Life in UK

ผ่านไปแล้ว 1 อาทิตย์กับชีวิตที่อังกฤษ แน่นอนว่าชีวิตที่นี่ก็ต้องต่างกับตอนที่อยู่เมืองไทยค่อนข้างเยอะ หลังจากที่อยู่มาซักพักนึงก็เริ่มปรับตัวได้ และต่อไปนี้คือชีวิตประจำวันที่ทำเป็นประจำอยู่ตามปกตินะคร๊าบบบ

7.00 – เริ่มจากตื่นนอนเลย .. อยู่ที่นี่ตื่นเช้ามาก เพราะเลิกงานไวกว่าตอนอยู่กรุงเทพฯ เลยต้องไปทำงานให้เช้าหน่อย เวลาตื่นนอนตามปกติคือ 7 โมงเช้า บางวันก็ 7 กว่าๆ

7.30 – แปลงฟัน อาบน้ำ .. แน่นอน ว่าต้องน้ำอุ่น ไม่งั้นหนาวตาย .. หลังจากนั้นก็แต่งตัว โดยที่ขาดไม่ได้คือลองจอน ใส่เป็นชุดแรกแล้วก็ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ทับอีกที เพราะขี้หนาวมาก แค่อยู่ในบ้านยังหนาวเลย

7.45 – ข้าวเช้า ต้องทำกินเอง เพราะไม่มีแซนด์วิชหมูหยองพริกเผาชิ้นละ 20 บาทเหมือนบ้านเรา .. อาหารเช้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคอนเฟลกส์กับนม แล้วก็มีขนมปังทาเนย+แยม ผลไม้ก็กินกล้วยเป็นหลักเพราะง่าย ไว เก็บได้นาน .. ซึ่งทั้งหมดก็จะซื้อตุนเอาไว้อาทิตย์ละครั้ง


อีกเรื่องที่ต้องทำช่วงกินข้าวเช้าคือดู ข่าว โดยเฉพาะพยากรณ์อากาศที่นี่จะค่อนข้างละเอียด วันไหนบอกฝนตก มันก็ตก วันไหนบอกหนาว มันก็หนาวโคตรๆ .. แล้วก็เช็คผลบอลเนื่องจากที่ห้องไม่มีถ่ายทอดสด .. อ้อ !! เมื่อคืนลูคัสโหม่งสวยมาก

8.15 – เก็บของไปทำงาน ซึ่งก็จะหอบโน้ตบุ๊กไปตัวนึง พร้อมด้วยเสื้อกันหนาว วันไหนหนาวน้อยก็ใส่เสื้อแมนยูตัวเก่ง วันไหนหนาวมากก็จะใส่เสื้อตัวหนาๆ .. ถ้าวันไหนฝนตกก็ตัวใครตัวมัน

ออกจากอพาร์ทเมนท์ก็จะมี อารมณ์ “ทำไมข้างนอกมันหนาวอย่างนี้” ขึ้นมาทุกวัน ..​เนื่องจากออฟฟิศอยู่ไม่ไกล เราก็จะเดินไปทำงานกัน เป็นการออกกำลังกายไปในตัว [ link : เส้นทางการเดิน ]

เดินไปชมวิวไป บ้านเมืองเค้าก็แปลกตาดี

ทุกวันจะเดินผ่านย่าน Old Market Square ถ้าบ้านเราก็ประมาณลานหน้าศาลากลางจังหวัด .. พอดีช่วงนี้เค้ามีเปิดสวนสนุกเล็กๆ ด้วย ไว้วันไหนว่างๆ จะไปเล่นเหมือนกัน

8.30 – เดินๆๆๆๆ ถึงออฟฟิศ ก็ติ๊ดบัตร ขึ้นลิฟท์ แล้วก็ติ๊ดบัตรอีกรอบ .. เข้าประตูไปก็จะทักทายทุกคนที่เดินผ่าน .. ที่นี่เค้า Friendly มาก ทุกเช้าจะ say Hello , Good morning กันอยู่ตลอด

ถึงโต๊ะทำงานก็เสียบปลั๊ก ใช้จอสองจอ จอนึงเป็นของโน้ตบุ๊ก อีกจอจะเป็นที่ remote กลับไปเครื่องที่กรุงเทพฯ .. เช็คเมล์ ชงกาแฟ หรือโกโก้กิน สรุปงานเมื่อวาน แล้วก็ดูรายการที่ต้องทำวันนี้

10.00 – ช่วงสายๆ เราจะมีเทรนทุกวัน ซึ่งก็จะได้ฝึกฟังภาษาอังกฤษสำเนียงแปลกหูทุกวันๆ เพราะคนสอนไม่ซ้ำกันซักคน ช่วงแรกก็งงๆ เพราะสำเนียงอังกฤษฟังยาก หลังๆ ก็เริ่มชิน

12.00 – เที่ยงแล้วเราก็จะเดินออกไปหาอะไรกินข้างนอก (ฝรั่งส่วนใหญ่จะทำอะไรมากินจากที่บ้าน พอเที่ยงแล้วก็กินมันที่โต๊ะทำงานเลย) เมนูช่วงเที่ยงก็จะเป็นอะไรที่ง่ายๆ ไวๆ ..​ บางวันเราก็กินแค่แซนด์วิช บางวันก็กินร้านอาหารจีนที่มีข้าวกล่องขาย .. ที่ร้านจะไม่ค่อยมีที่ให้นั่งกิน ส่วนใหญ่เลยซื้อกลับมากินที่บริษัท ก็ไปนั่งกันที่ Pantry (ที่นี่มีโต๊ะ Pool ด้วยนะ)

อาหารที่นี่โคตรแพง .. มื้อที่ถูกที่สุดที่เคยกินมาคือ 2 ปอนด์ แต่โดยเฉลี่ยก็จะกินกันประมาณ 3-4 ปอนด์ ( ~165 – 220 บาท ) เอาไว้จะมาบ่นเรื่องของแพงทีหลัง



13.00 – กลับขึ้นมาทำงานช่วงบ่าย ช่วงนี้เมืองไทยก็จะเริ่มค่ำแล้ว .. แต่เรายังทำงานกันต่อไปครับท่าน

ทำงานที่นี่จะค่อนข้างสงบ เพราะคุยกันอยู่ไม่กี่คน นอกนั้นเป็นฝรั่ง แต่ที่นี่ก็ทำงานกันจริงจัง ไม่ค่อยเห็นใครใส่หูฟังเพลงไปทำงานไป หรือเล่นเว็บดูนู่นดูนี่ซักเท่าไหร่

ที่ต่างกับเมืองไทย คือเลิกงานกันตรงเวลาเป๊งๆ เลย 17.30 ไปแล้วออฟฟิศแทบร้าง .. security สูงมากด้วย ถ้าใครจะอยู่ดึกเกิน 3 ทุ่มจะเป็นเรื่องแปลกที่ต้องทำเรื่องว่าอยู่ดึกเลยทีเดียว

18.00 – หลังเลิกงาน ก็จะมีกิจกรรมที่หลากหลายกันไป เนื่องจากที่นี่ 2 ทุ่มยังสว่างเท่า 5 โมงเย็นบ้านเรา ก็เลยมีกิจกรรมหลังเลิกงานได้บ้าง แต่ที่แปลกหน่อยคือ 6 โมง ห้างหรือร้านค้าปิดกันหมดแล้ว ..​ ปิดกันหมดเลยจริงๆ นะ ไม่มีอะไรให้ซื้อเลย นอกจากร้านอาหาร


ถ้าเป็นวันจันทร์เราก็จะไปช๊อปที่ Tesco กันเพื่อซื้อของมาตุนไว้ที่ห้อง


ถ้าเป็นวันพุธเราจะไปตีแบตฯ กันเพื่อออกกำลังกาย (กิจกรรมประจำของออฟฟิศที่นี่)


บางวันเราก็ไปกินเบียร์กัน (คนที่นี่กินเบียร์ก่อน ค่อยกินข้าวเย็น)


บางวันอยากทำตัวไฉโซเราก็กินซูชิกัน (ลด 40% ไม่งั้นอย่าได้แวะไปเด็ดขาด)

แต่ส่วนใหญ่แล้ว เราจะทำกับข้าวกินกันเอง .. เพราะเป็นมื้อเดียวที่จะทำอะไรไทยๆ กินกันได้

ขโจชิทอดไข่เจียวหมูสับ (อย่างแรกที่ทำเป็น)

มาม่าคือเมนูยอดฮิต .. ผมรักมาม่า

อุปกรณ์ทำอาหารครบมาก

มาม่าหมูสับ กับน้ำส้ม

บางวันก็ทำกับข้าวหลายอย่างกินกัน ..​ส่วนขโจชิทำได้เมนูเดียวคือไข่เจียวหมูสับ

21.30 – กินข้าว ล้างจาน เก็บห้อง .. แล้วก็ตัวใครตัวมัน ดูทีวี เข้าห้องเล่นเน็ต .. ที่แย่หน่อยคือกว่าจะมีเวลาส่วนตัว ที่เมืองไทยก็หลับกันไปหมดแล้ว (ตี 3 – 6 โมงเช้า) พอออนเอ็มเราก็เลยได้แต่คุยและบ่นกันเองว่า ทำไมไม่มีใครออนเลยฟะ

เวลานี้ส่วนมากก็จะอัพบล็อค อ่านเมล์ แต่เนื่องจากเป็นคนเดียวที่กำลังเรียนโทอยู่ ก็เลยจะต่างกับคนอื่นหน่อยคือต้องฟัง Lecture ที่เรียน แล้วก็ต้องทำรายงาน ทำการบ้านส่งอาจารย์ด้วย


ต้องเรียนด้วย เลยเอาน้องแอร์คู่ใจมาที่นี่ด้วย

24.00 – ตกดึกอากาศจะหนาวโคตรๆ ขนาด heater ที่ห้องเปิดแรงสุดยังเอาไม่ค่อยอยู่ ก็จะเห็นมนุษย์ขี้หนาวนอนห่มผ้า 3 ชั้น นอนขดๆ อยู่แถว นี้คนนึง

วันต่อมา – กรุณากลับไปเริ่มต้นข้างบนใหม่อีกครั้ง

🙂