เขียนข่าวกับ Blognone แล้วได้อะไร ?

หลายคนอาจจะรู้อยู่แล้ว (รึเปล่า) ว่าผมเป็น Writer คนนึงใน Blognone แล้วก็ได้รับเชิญไปงาน Writer Party ทุกปีแต่ไม่เคยได้ไปเลยเพราะติดโน่นนี่ตลอดเวลา ปีนี้เลยเป็นปีแรกที่ได้ไปเจอกี๊กไอดอลตัวเป็นๆ หลายคน ส่วนใครสนใจว่างานเป็นยังไงแนะนำให้อ่าน “ภาพบรรยากาศ Blognone Writer Party 2011” โดย @plynoi

แต่ไหนๆ ก็พูดถึง Blognone แล้วเลยขอเขียนถึงซะหน่อย (เป็นการขอบคุณที่เลี้ยงข้าว :P)

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก Blognone.com คือเว็บข่าวไอที ที่มีโมเดลคือเชิญชวนคนทั่วไปมาช่วยกันเขียนข่าวไอที คล้าย Slashdot ที่เมืองนอก

ผมเป็นคนของติดตามข่าวโดยเฉพาะข่าวในโลกไอที เห็นอะไรเปิดตัวใหม่ๆ ทีไรมันต้องเกิดอารมณ์ตื่นเต้น โอ้วอ้าว อยากรู้อยากเห็นไปซะทุกที ในยุคที่กูเกิลกำลังดังผมก็ได้ไปเจอกับเว็บข่าวไอทีภาษาไทย นาทีแรกที่เห็นรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะหามานาน

หลังจากที่ได้รู้ไอเดียของเว็บว่าเป็นตัวกลางที่เชิญชวนคนมาเขียนข่าวไอที ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือข่าวแปลมาจากต่างประเทศอีกที ยุคนั้นคนเขียนข่าวยังมีไม่กี่คน หลักๆ ก็ @markpeak กับ @lewcpe ผู้ก่อตั้งเว็บจะเขียนเองซะส่วนใหญ่

ข่าวแรกที่ผมเริ่มเขียนคือเรื่องจองไมโครซอฟท์ (ไม่น่าเชื่อ ?) “Virtual Earth ความพยายามครั้งใหม่ Microsoft” เขียนเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2006  มาจนถึงตอนนี้ก็เขียนไปทั้งหมด 158 ข่าว

มีคนเคยถามเหมือนกันว่าแล้วจะเขียนข่าวไปทำไม ?

คือจริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้รู้จักกับ lew และ mk เป็นการส่วนตัวอะไร (เจอตัวจริงครั้งแรกก็ไม่กี่วันมานี้เอง) เพียงแต่ชอบไอเดียของเว็บ อยากเขียนเองเป็นการส่วนตัว ไม่คิดจะทำเว็บเอง (ขี้เกียจ) และจะว่าไปมันก็สนุกดี

5 ปีผ่านไป ผมพบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นกับตัวเอง ถึงแม้ว่าการเขียนข่าวใน Blognone จะไม่ได้ให้ผลทางตรง แต่ก็มีส่วนทางอ้อมหลายๆ อย่างที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง

  • สนใจข่าวไอทีมากขึ้น อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว
  • อ่าน ฟัง ภาษาอังกฤษดีขึ้นมาก การนั่งฟัง Keynote ของจ๊อบส์มาตลอดทุกครั้งช่วยได้จริงๆ นะ
  • ฝึกด้านการเขียน การใช้ภาษา การที่ bn เน้นเรื่องการใช้ภาษาให้ถูกต้องเป็นเรื่องที่ดี 
  • ยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น การทะเลาะกันในคอมเม้นต์ไม่ได้เป็นเรื่องไร้สาระ
  • ผมได้มีบทความแรกบน PC World ลองนึกเล่นๆ ว่าถ้าไม่เคยเขียนอะไรเลย บทความที่เขียนมันก็คงไม่ได้ดีมีคุณภาพเท่าตอนนี้ 

พี่โน๊ต อุดม เคยบอกไว้ว่า มีเด็กมาเคาะประตูหน้าบ้าน บอกว่าอยากเป็นนักเดี่ยวไมโครโฟนแบบพี่โน๊ตเป็นร้อยคน แต่ไม่มีคนไหนเลยที่คงพยายามได้เป็นสิบปีแบบที่พี่โน๊ตทำ มีแต่คนที่อยากออกไปยืนบนเวทีแล้วให้คนปรบมือเลย

ผมเชื่อว่าหลายอย่างมันต้องใช้เวลา กว่าที่จะมาถึงวันนี้ได้เราควรจะมองถึงจุดเริ่มต้นที่มาที่ไป อย่ามองเพียงเปลือกนอกปลายทางของมัน เว็บอย่าง Blognone เองก็ใช้เวลาหลายปีกว่าจะดังถึงทุกวันนี้ ผมเห็นเด็กๆ หลายคนสมัยนี้ทำเว็บของตัวเองทำบล็อกของตัวเอง พยายามปั้นให้ดัง ผ่านไปแค่ไม่กี่เดือนก็ล้มเลิก

เพราะงั้นเราอยากให้เราเป็นยังไงในอีกหลายปีข้างหน้า …​ อยากรวย อยากเก่ง อยากมีงานดีๆ อยากทำเว็บเก่งๆ อยากมีแฟน อยากมีครอบครัวที่ดี …

ก็จงเริ่มมันซะตั้งแต่ตอนนี้ และทำมันให้สม่ำเสมออย่าย่อท้อครับ 🙂