เมื่อ iPhone 4 ตกน้ำ (ทะเล)

ความเดิมตอนที่แล้ว เมื่อผมได้ไปต่อคิวซื้อ iPhone 4 กับ Dtac และพบว่ามันคือมือถือเทพที่จนต้องกราบบบ หลังจากนั้นมาผมก็ดูแลไอโฟนเครื่องนี้อย่างไข่ในหิน ด้วยความบอบบางของมันทำให้เสียวหล่นอยู่หลายครั้ง แต่ก็รอดมาได้ทุกที

และแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้ไปเที่ยวทะเลที่กระบี่ซึ่งว่ากันว่าความสวยของอ่าวมาหยานั้น สวยงามจนทำให้คุณลืมทุกสิ่ง ซึ่งผมก็ลืมทุกสิ่งไปจริงๆ ด้วย ว่าใส่ไอโฟนไว้ในกระเป๋ากางเกง ว่าแล้วก็กลิ้งตัวลงกับทรายขาว เพื่อถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน

จากนั้นก็เดินไปเดินมา ซักพักผมก็นึกอยากเอาไอโฟนมาถ่ายรูปเพื่อแล้วแชร์ให้ชาวบ้านดูตามปกติ … แต่คราวนี้มันไม่ปกติ เพราะไอโฟนหายไป !!

ในอารมณ์ห้วงนั้น สิ่งที่คิดอยู่ในหัวคือ “ชิป (A4) หายแล้ว !!

ผมบอกกับ @CherryJaja ว่าสงสัยไอโฟนจะหาย เราก็ช่วยกันหาอย่างรีบร้อน เพราะอีกไม่นานเรือที่จอดรอก็จะออกไปแล้ว (แน่นอน ภายหลังคุณนายก็เปล่งพลังซุปเปอร์ไซย่าใส่โฮกใหญ่)

หลังจากหาอยู่ 5 นาที ในที่สุดเราก็พบไอโฟนสุดที่รักของผมในสภาพนอนคว่ำจมทรายที่เปียกโชก และดูออกได้ทันทีว่าคลื่นเพิ่งซัดผ่านจุดนั้นไปเมื่อครู่ นาทีนั้นผมกรี๊ดแต๋วแตกเป็นเรยาทันที …

  • ทรายเต็มเครื่อง จอเปียกโชก
  • มีสาหร่ายมาอุดอยู่เต็มช่องเสียบ Connector ด้านล่าง (เดี๋ยวจับไปให้เถ้าแก่น้อยทอดกรอบซะเลยนิ)
  • สิ่งแรกที่เช็คคือ “เปิดติดไหม?” … ติดครับ แต่ไม่มีอะไรบนหน้าจอ นอกจากโลโก้แอปเปิลกระพริบปี๊บๆๆๆ ให้ได้ดูอยู่ 1 นาที แล้วมันก็ดับไปซะงั้น เหมือนอยากจะสั่งเสียกับเจ้านายเป็นครั้งสุดท้าย
  • แถวนั้นไม่มีข้าวสารหรือตัวดูดความชื้น เลยได้แต่เอาทิชชู่เช็ดและอุดรูต่างๆ ไว้พยายามให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้
พ่อผิดไปแล้วลูก ToT
..
เที่ยงวันนี้ ผมเอาน้องโฟว์ลูกรักไปเข้าศูนย์ Dtac สาขาจามจุรีสแควร์ จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กว่า 30 นาทีได้ความดังนี้
  • เครื่องเสียเพราะโดนความชื้นมากเกินปกติ ดูได้จากแถบวัดความชื้นใต้เครื่องเปลี่ยนเป็นสีแดง (แอปเปิลทำมาดักคอไว้ ให้เราไม่สามารถไถไปเรื่องอื่นได้เลย)
  • การที่เครื่องเสียหายเพราะความชื้นหรือของเหลว ประกันยังถือว่าไม่ขาด แต่หากต้องการซ่อมจะมีค่าใช้จ่าย
  • ซึ่งการซ่อมในรูปแบบของแอปเปิลมีอย่างเดียว คือ “เปลี่ยนเครื่องใหม่” เท่านั้น !!
  • ราคาเปลี่ยนเครื่องใหม่ 8,800 บาท (รวมภาษีแล้ว) หรือที่หลายคนเรียกกันว่า หวยไอโฟน (88) เวลาที่ซวยทำเครื่องเสียจนต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่
  • ถ้าเอาไปซ่อม MBK ก็คงจะถูกกว่านี้ แต่ก็ไม่มีอะไรจะประกันได้ว่าเครื่องจะกลับมาดีดังเดิม จะไม่เสียแล้วเสียอีก และถ้าช่าง MBK เปิดเครื่องเมื่อไหร่ ประกันจะขาดทันที
สุดท้าย ผมก็เลือกที่จะเปลี่ยนเครื่องใหม่ ถึงแม้เงิน 8,800 บาทจะราคาค่อนข้างสูง(มาก) แต่ถ้าเทียบกับความสบายใจ และการที่เราต้องใช้มือถือในชีวิตประจำวันค่อนข้างหนักหน่วง ก็ถือซะว่าซื้อความสบายใจและเป็นบทเรียนให้คราวหน้าระวังตัวมากกว่านี้แล้วกันครับ
แถบวัดความชื้นใต้เครื่อง ถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดง แปลว่า “มึงซวยแล้ว”