ครบรอบ 1 ปีของการแต่งงาน กับรักที่มากขึ้นทุกวัน

14 มกราคม 2555 คือวันแต่งงานของผมกับเชอรี่ (@CherryJaja) เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว มารู้สึกตัวอีกทีเรายังหัวเราะกันอยู่เลยว่า นี่เราแต่งงานกันครบ 1 ปีแล้วนะ

365 วันที่ผ่านมามีเรื่องราวผ่านมามากมาย มากกว่าที่เราทั้งสองคนจะคาดคิด โชคดีที่เรื่องราวส่วนใหญ่เป็นเรื่องดีๆ และทำให้เรามีความสุข

เนื่องในโอกาสวันดี เลยอยากจะเขียนบันทึกเรื่องราวของเราสองคนเอาไว้ ว่า 1 ปีที่ผ่านมา ระหว่างเราสองคนมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง

ไม่ต้องปรับตัว แต่ปรับความเข้าใจ

ว่ากันว่าปีแรกของการแต่งงาน คือปีแห่งการปรับตัว แน่นอนว่าการที่เราต้องตื่นนอนขึ้นมาแล้วพบกับใครที่อยู่ข้างกาย มันคือการเปลี่ยนแปลง

ในระดับที่ลึกลงไป การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมันมีรายละเอียดมากกว่านั้น การทำงานบ้าน การเข้านอน การแบ่งพื้นที่ส่วนตัว การเข้ากับครอบครัวใหม่ของทั้งสองฝ่าย

เราสองคนซื้อคอนโดและแยกออกมาอยู่ด้วยกัน ปัญหาเรื่องเข้ากับพ่อแม่ทั้ง 2 ฝ่ายเลยไม่มี ก็เหลือแค่การใช้ชีวิตของสองคนเท่านั้น

ผมพบว่าความเกรงใจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คือเราเกรงใจกันมาก เวลาผมจะเล่นเกมส์ก็กลัวอีกฝ่ายจะไม่มีใครสนใจ เวลาเชอรี่จะนอนก่อน ก็กลัวว่าปิดไฟแล้วผมจะอ่านหนังสือไม่ได้ เราอยู่ด้วยความเกรงใจ แต่ก็ไม่ได้ละความเป็นตัวของตัวเอง

ที่สุดแล้วก็ใช้ความเข้าใจ เชอรี่เข้าใจว่าผมนอนดึก ตื่นสาย ขี้เกียจบ้าง ขยันเกินไปบ้าง
ผมเข้าใจว่าเชอรี่ชอบความสะอาด รักสวยรักงาม ต้องการเวลาพักผ่อน อยากให้เราอยู่ใกล้ตลอดเวลา

ขอโทษกันเมื่อมีปัญหา

ผมว่าเชอรี่เก่งมากที่อยู่กับผมได้โดยไม่งอแง คือด้วยความที่เราก็เป็นคนชอบทำโน่นนี่อยู่ตลอดเวลา มีเวลาพักผ่อนน้อย บางทีก็พูดน้อย บางทีก็อยากมีเวลาอยู่คนเดียว แต่เธอก็ดูจะเข้าใจและอยู่กับสิ่งที่ผมเป็นได้เป็นอย่างดี

ส่วนนึงก็ต้องขอบคุณตัวเองด้วยที่ผมรู้ว่าจุดอ่อนของผมคืออะไร ผมรู้ว่าผมเป็นคนช่างจิตนาการ เจ้าเหตุผล ตามประสาหนุ่ม Geek ผมรู้ว่าวันนึงถ้าทะเลาะกัน ต้องมีอารมณ์ที่ผมว่าผมถูก หรือเชอรี่บอกว่าเชอรี่ถูก

ปัญหาจะเกิดถ้าคนนึงยอมแพ้ คนนึงคิดว่าฉันชนะแล้ว ดีใจไชโย
ทะเลาะกันไม่มีใครชนะ ไม่มีใครแพ้ … เพราะเราแพ้ทั้งคู่

กฏของบ้านเราที่ว่า “ถ้าทะเลาะกัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม สุดท้ายจะต้องขอโทษซึ่งกันและกัน”
ต้องขอบคุณตัวเองด้วยที่ตั้งกฏนี้ เพราะทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน ผมจะขอโทษเชอรี่ เชอรี่จะขอโทษผม

และเราก็ได้รู้ว่าที่เราทะเลาะกันนั้นไม่มีใครชนะ .. เราแพ้ทั้งคู่จริงๆ

เชอรี่ทำป้ายไฟไปเชียร์ตอนแข่งแฟนพันธุ์แท้

มีคนดูแล

Geek เป็นมนุษย์ที่ต้องการคนดูแลจริงๆ นะ คือใช้ชีวิตบนโลกนี้มาตั้ง 30 ปี มารู้สึกตัวว่าทำไมเราไม่ดูแลตัวเองเลย ก็ตอนแต่งงานแล้วนี่แหล่ะ

ประโยคที่ได้ยินคุณนายทำคิ้วขมวด แล้วก็แว๊กๆ ใส่ประจำก็มีเช่น

  • ทำไมไม่อาบน้ำ !!
  • กินเลาะมือแล้วดูดนิ้วได้ยังไงคะ
  • หนวดยาวเฟื้อยอย่างงี้ไม่ให้ออกจากบ้านนะ
  • ใส่กางเกงตัวเดิมอีกแล้วววว
  • ห้ามนอนดึกนะคืนนี้ นับ 1 ถึง 3 เข้านอนเดี๋ยวนี้ !!

ปีที่ผ่านมาเราสองคนก็ผลัดกันป่วย แต่ผมว่าเชอรี่ดูแลผม ดีกว่าที่ผมดูแลเชอรี่ 10 เท่าเห็นจะได้

มันเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ นะ เวลาที่เราป่วยแล้วมีคนดูแลเราก่อนจะหลับตานอน และมีคนทำข้าวต้มมาให้ในเช้าของอีกวันนึง

นอกจากเวลาป่วยแล้ว ก็มีคนที่ดูแลเราเวลาที่เราเศร้า ท้อถอย เหนื่อย มีปัญหา ฯลฯ
ทุกครั้งที่ผมบ่นเรื่องอะไรซักอย่าง จะได้ยินเสียงจากเชอรี่ออกมาเสมอว่า “ไม่เป็นไรเน๊อะ

มันทำให้เราได้รู้ว่า เค้าไม่ได้พร้อมแค่ที่จะร่วมสุขไปกับเรา … แต่เค้าพร้อม ที่จะร่วมทุกข์ไปกับเราด้วย

ลอยกระทง 2555

ความรักส่งต่อกันได้

ผมชอบแชร์เรื่องราวความรัก โดยเฉพาะเรื่องดีๆ เรื่องที่เราประทับใจ
มีหลายคนถามเหมือนกันว่าทำไมชอบแชร์เรื่องความรักจัง

ไม่รู้สิ .. ผมเชื่อว่าความรักมันส่งต่อกันได้

ตอน 10 ขวบ ผมไปเห็นพ่อแอบซื้อดอกไม้มาให้แม่ในวันวาเลนไทน์ วันนั้นผมยิ้มทั้งวันเลย เจอใครก็วิ่งเข้าไปกอด คือเรารู้สึกโลกสดใส เห็นพ่อแม่รักกัน เราก็อยากเข้าไปกอดทุกคนที่เจอเลย

อีกครั้งนึงคือตอนที่เห็นพี่ชายตัวเองยืนสวดมนต์อยู่หน้าห้องคลอด ขอให้ภรรยาและลูกของเขาปลอดภัย ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นก็มีเสียงอุแว๊ดังออกมา ทั้งบ้านเรากอดกันดีใจ หลายคนน้ำตาซึมไปกับพี่ชายด้วย

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ผมพยายามสังเกตคนรอบข้างที่ได้มาอ่านเรื่องราวความรักของเรา

ถึงแม้จะมีคำบ่นมาบ้างว่าอิจฉาหรือบ่นกับตัวเองว่าทำไมไม่มีอย่างนั้นอย่างนี้
แต่สุดท้ายผมสังเกตว่าเค้ารักกันมากขึ้นในหลายๆ ด้านนะ

มีน้องหลายคนที่ส่งข้อความมาบอกว่าเรื่องราวของเราสองคน ทำให้เค้าคืนดีกับแฟน, ทำให้ผมกล้าไปขอโทษคนที่ผมรัก, ทำให้หนูมีกำลังใจที่จะรักใครซักคน .. ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้นะ

ไม่รู้สิ .. ผมเชื่อว่าความรักมันส่งต่อกันได้

จดทะเบียนสมรส

ได้เรียนรู้อะไรจากการแต่งงานบ้าง

หลายคนมักมองว่า โหย พอแต่งงานแล้ว ชีวิตจะเปลี่ยน จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว .. เอาเข้าจริงๆ ผมรู้สึกว่าความเปลี่ยนแปลงของการแต่งงานมันน้อยกว่าที่คิดนะ

คือมันไม่ใช่ว่า แต่งงานแล้ว ตื่นนอนขึ้นมาจะพบกับโลกใบใหม่ .. คือเราก็ตื่นมาบนโลกใบเดิม ยังไปทำงานเหมือนเดิม เรียกชื่อกันเหมือนเดิม ไปกินข้าว ดูหนัง เที่ยวเล่นกันเหมือนเดิม

สิ่งที่เปลี่ยนคงจะเป็น “เรารักกันมากขึ้น

ผมรู้สึกว่าผมรักเชอรี่มากขึ้นเยอะมากๆ ถ้านับจากวันก่อนแต่งงาน
ก่อนแต่งงานคือเรารู้ตัวเองว่าเรารักเค้า และอยากที่จะอยู่กับเค้า

แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปหลังจาก 14 มกราคม 2555 คือผมรู้สึกได้เลยว่าผมขาดเชอรี่ไม่ได้

มีครั้งนึงที่เราสองคนไปเที่ยวกัน ครั้งนั้นเราไม่มีโทรศัพท์และติดต่อกันไม่ได้ ถึงเวลานัดแล้วเชอรี่ไม่มาที่จุดนัดพบ ผมวิ่งตามหาเชอรี่อยู่ 5 รอบ จนมาเจอเค้าอีกทีนึง ผมเดินเข้าไปบ่นใส่เชอรี่เป็นชุดๆ เธอทำหน้าจ๋อย พอผมบ่นเสร็จ อยู่ดีๆ ผมก็น้ำตาไหลออกมา คือเรากลัวว่าเค้าจะเป็นอะไร กลัวว่าเกิดอะไรไม่ดีกับเค้ารึเปล่า

มันเป็นครั้งแรกของผู้ชายคนนึงที่มีความรู้สึกแบบนี้จริงๆ
ผมไม่รู้ว่าเชอรี่จะรู้สึกกับผมยังไงตั้งแต่แต่งงานกันมา แต่ผมอยากบอกกับเชอรี่ว่า 1 ปีที่ผ่านมา

“ผมรักเชอรี่มากขึ้นเยอะเลยครับ”

Happy 1st Anniversary
M & Cherry
14 January 2013

ฉลองวันเกิดเชอรี่ด้วยการพาไปเล่น Reverse Bungy G-Max
คุณนายไปช๊อปเหมาร้าน Charles & Keith ที่สิงคโปร์
วิ่งมินิมาราธอนด้วยกัน
ขึ้นเวทีด้วยกันครั้งแรกในงาน Barcamp
ฮันนีมูนที่มัลดีฟส์
ถ่ายกับหลานๆ
รถคันแรกของเรา
ได้รับเชิญไปคอนเสิร์ตแร็พเตอร์ ในชุดแต่งงาน
Countdown ด้วยกัน ภาพสุดท้ายก่อนสิ้นปี 2012