ประสบการณ์แข่งแฟนพันธุ์แท้สตีฟ จ็อบส์ ตอน 2 – ถ่าย VTR, บรรยากาศวันแข่งจริง

ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากที่ได้ตัดสินใจสมัครแข่งแฟนพันธุ์แท้ในหัวข้อ “สตีฟ จ็อบส์” และก็ได้ผ่านการสัมภาษณ์แบบสุดโหด ทั้งทำข้อสอบ และทดสอบแบบตัวต่อตัวไปแล้ว ในที่สุดผมก็ได้ข่าวดีจากทีมงานว่า ได้เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายของรายการแล้วจ้า !!

ได้เข้ารอบ 5 คนก็หมายความว่าได้ออกทีวี ได้ออกทีวีก็แปลว่าจะมีคนเห็นเราทั่วประเทศ …

ความกลุ้มใจลำดับต่อมาซึ่งอาจจะดูไร้สาระแต่ผู้เข้าแข่งทุกคนต้องคิดถึงคือ

  • ใส่ชุดอะไรไปแข่ง
  • ทำผมทรงอะไร
  • จะลากใครไปเป็นกองเชียร์บ้าง
  • แว๊ก !! ทำไมหน้าโทรม สิวขึ้น ตาโบ๋อย่างงี้ฟะ (คนที่แข่งส่วนใหญ่เตรียมตัวแบบไม่หลับไม่นอน)
  • เตรียมตัวเป็นเดือน ตกรอบแรกจะทำยังไง
  • ฯฯฯฯฯลลลลลฯฯฯฯฯ (คือคิดเยอะมาก ไอ้เรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับแข่งเท่าไหร่)
Note: เป็นบล็อกแนวบันทึก โปรดทราบว่ายาวมากๆๆๆๆ

ถ่ายทำ VTR เปิดตัวแบบสตีฟ จ็อบส์

ถ้าใครเคยดูรายการแฟนพันธุ์แท้อาจจะเคยเห็นว่าก่อนแข่ง รายการจะมีการถ่ายทำ VTR สั้นๆ แนะนำผู้แข่งแต่ละคนเป็นใคร ทำงานอะไร มีของสะสมมากน้อยแค่ไหน (ช่วงหลังรายการไม่ได้ทำ VTR แล้ว ใช้วิธีแนะนำในห้องส่งแทน เข้าใจว่าทีมงานทำไม่ทัน #ฮา)
สำหรับแฟนพันธุ์แท้สตีฟ จ็อบส์ ทางทีมงานเลือกให้ผู้เข้าแข่งทุกคนเข้ามาที่สตูดิโอ Work Point เพื่อถ่ายทำฉากเปิดตัวแต่ละคน ซึ่งก่อนจะมาก็ไม่ได้บอกอะไรมาก แค่บอกให้มาช่วงบ่ายวันเสาร์ ก่อนที่จะเริ่มแข่งจริงวันจันทร์
  • เป็นการมาสตูดิโอ Work Point ครั้งที่ 3 แต่พิเศษหน่อยเพราะมาช่วงกลางวัน และวันนี้มีการอัดหลายรายการ
  • สตูดิโอที่นี่ห้องหนึ่งใหญ่มาก รับคนดูได้หลักพัน เหมือนที่เราเห็นในทีวี รายการใหญ่ๆ อย่างชิงร้อยชิงล้าน, ชิงช้าสวรรค์, ราชรถมาเกย
  • เดินเข้ามาด้านใน พบว่ามีห้องอัดรายการมากถึง 5 สตูดิโอ !! คือที่นี่ใหญ่ขนาดอัดราย 5 รายการได้พร้อมกัน รองรับคนดูเป็นหมื่นคนได้เลย
  • วันนี้โชคดีมีคิวอัดรายการชิงช้าสวรรค์ ด้านนอกเลยได้เห็นการฝึกซ้อมก่อนขึ้นเวทีของหลายทีม ทุกคนใส่ชุดจัดเต็มมาก แล้วก็ซ้อมกันจริงจังก่อนเข้าไปในสตูดิโอ
  • ห้องที่พวกเราจะถ่าย VTR คือสตู 3 มีขนาดไม่ใหญ่มาก เปิดเข้าไปมืดสนิท แอร์เย็นเจี๊ยบ ทีมงานจัดแสงไฟเล็กน้อย มีโลโก้แอปเปิลวางด้านหลัง พร้อมจอโปรเจ็คเตอร์
  • เป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกับคนเข้าแข่งทั้ง 5 คน คือ แบงก์ พนักงาน iStudio, ก้อง นักศึกษาแพทย์, แมค เจ้าของกิจการ และเค้ก ผู้หญิงคนเดียวในการแข่งขัน
  • ที่เขียนมาเมื่อกี้นี้ คือเรียงลำดับตามอายุแล้ว ส่วนข้าพเจ้า แก่สุดในการแข่งครั้งนี้ (ง๊าาาา แก่เว้ยเฮ้ยยยย >////<)

  • พวกเราคุยกันทีแรกก็ดูงงๆ เล็กน้อย แต่ซักพักก็เริ่มโยงเข้าเรื่องแอปเปิล และจูนกันติดทันที คือเหมือนมีอะไรที่ชอบ(แบบบ้าคลั่ง) เหมือนกันหมดทั้ง 5 คน ทำให้สนิทใจขึ้นมาอย่างประหลาด
  • พี่จุ๊ทีมงานมาแจ้งว่า วันนี้จะถ่าย VTR โดยให้แต่ละคนทำเหมือนพูด Keynote แบบสตีฟ จ็อบส์อยู่ ทีมงานจะมาช่วยคิดคำพูดโดนๆ ให้เราซักซ้อมด้วย ก่อนจะไปออกหน้ากล้อง
  • ซึ่งมันยากมาก แค่จำประโยคสั้นๆ ไม่เท่าไหร่ แต่มันยากตรงที่เวลาอยู่หน้ากล้อง จะเดิน จะขยับ จะพูดยังไง มองทางไหน มืออีกข้างวางยังไง เสียงก็ต้องออกมาฟังชัด ฯลฯ
  • ทุกครั้งที่สั่งเริ่ม ทั้งห้องเงียบกริบ ไฟส่องที่หน้า 3 ตัว กล้อง 2 ตัว ทีมงาน 8 คน จ้องมาที่เราหมด
  • เทคแรก 3 .. 2 .. 1 .. เริ่ม : “ผมนับถือ … และ … และ …. ” คัท !!
  • เทคสอง 3 .. 2 .. 1 .. เริ่ม : “ผมนับถือ และศรัทธาในแนวคิดของสตีฟ จ็อบส์ ผู้ซึ่ง …” คัท !! พูดช้าลงหน่อยครับ
  • เทคห้า 3 .. 2 .. 1 .. เริ่ม : “… แม้แต่น้ำแข็งในงานแต่งงานของผม … [ทำท่ากดรีโมท]” คัท !! กดรีโมทไปผิดทางครับคุณเอ็ม
  • เฮ้ย !! กดดันเว้ยเฮ้ยยยยยย (>__<)/

  • สรุปทั้งถ่ายแบบสั้น แบบยาว แบบเก๊กหล่อเฉยๆ ใช้ไปประมาณ 11 เทค เครียดกว่าแข่งอีกนะเนี่ย
  • มีการจับสลากว่าใครได้ลำดับการเล่นก่อนหลัง ซึ่งก็คือ ก้อง, เอ็ม, แบงก์, เค้ก, แมค
  • ทีมงานเรียกเข้าไปคุยในห้องกันอีกครั้ง เพื่อสรุปว่าตกลงจะแข่งอะไร โดยรอบ 3 วินาทีจะไม่ได้เอาแอพมาถาม แต่จะถามใครก็ได้รอบตัวสตีฟ จ็อบส์ ซึ่งอาจจะอยู่หรือไม่อยู่ในหนังสือชีวประวัติก็ได้ 
  • ส่วนรอบอื่นๆ ทีมงานบอกก็ให้เตรียมมาดีๆ ละกัน ไม่บอกอะไรต่อ พร้อมยิ้มแฉ่งให้ผู้เข้าแข่งอย่างโรคจิต หึๆๆๆๆ
  • ก่อนกลับ เราเดินผ่านสตูดิโอห้องใหญ่ เจ้าหน้าที่กำลังยกของ จัดแสงไฟอย่างขยันขันแข็ง แอบมองเข้าไปก็พบกับโลโก้ท่า I Love You ขนาดยักษ์ .. ใช่แน่แล้วนี่คือเวทีของรายการแฟนพันธุ์แท้ !!
  • สอบถามกับทีมงานได้ความรู้ใหม่ว่า ฉากของรายการที่เราเห็นยิ่งใหญ่ ไม่ได้วางไว้ในห้องแบบถาวร สตูดิโอที่นี่มีน้อยกว่าจำนวนรายการ เพราะฉะนั้นก่อนถ่าย 1 วันจะมีการตั้งเวทีใหม่ และเมื่อถ่ายเสร็จก็จะพับเวทีทั้งหมดเก็บ เพื่อมาจัดฉากของรายการต่อๆ ไป

กองเชียร์

ออกทีวีทั้งที ไม่ใช่แค่คนเข้าแข่งที่ตื่นเต้น แต่กองเชียร์เองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน

“เค้าใส่ชุดอะไรไปเชียร์ตะเองดีอ๊าาา กลุ้มใจๆๆๆๆ ชุดนี้ ชุดนั้น หรือชุดโน้นดีคะ ???” คุณนายตื่นเต้นเดินมาถามสามี ผู้ซึ่งหลบอยู่ในกองหนังสือสตีฟ จ็อบส์แทบจะท่วมหัว

ไม่นานนักคุณนายก็เปิดไอโฟน คุยแชทกับเหล่ากองเชียร์ข้าพเจ้ากันงุบงิบๆ รวมถึงท่านพ่อที่พอได้ยินว่าลูกชายจะได้ไปออกทีวี ก็ถึงกับตีตั๋วรถทัวร์จากขอนแก่น วิ่งตรงดิ่งมาเพื่อเชียร์ลูกชายโดยเฉพาะ

“ใส่ชุดง่ายๆ ก็ได้ค่ะ กองเชียร์เค้าก็อยู่เป็น Background อาจจะไม่ได้เห็นอะไรมาก” ผมแวะเดินมาบอก
“ได้ค่ะ ง่ายๆ เน๊อะ” ^___^ คุณนายหันมายิ้ม พร้อมกลับไปนั่งงุบงิบๆ กับเหล่ากองเชียร์ต่อ

สรุปแล้วกองเชียร์ผมจะมากัน 5 คน คือเชอรี่, พี่สาว, ญาติอีก 2 คน และท่านพ่อ โดยทั้งหมดจะใส่เสื้อยืดสีขาวที่สกรีนคำว่า “@Khajochi” พร้อมกับป้ายไฟอีก 1 อันไว้กรี๊ดดด ในห้องส่ง !!!!!!!!!!

“ได้ค่ะ ง่ายๆ เน๊อะ …”

แข่งแฟนพันธุ์แท้สตีฟ จ็อบส์

เราอัดเทปกันวันจันทร์ที่ 13 ก.พ. 2012 และเทปจะออกอากาศในวันศุกร์ที่ 17 ก.พ. 2012 เลย ทีมงานนัดพวกเรามารวมตัวประมาณ 9 โมงเช้า เพื่อที่จะแต่งหน้า ทำผม เตรียมความพร้อมหลายๆ อย่าง ส่วนกองเชียร์มาช่วง 10 โมงได้

หลังจากที่อดนอนมาหลายวัน และเมื่อคืนนี้ก็ตื่นเต้นนอนไม่ค่อยหลับ แต่ด้วยความที่ไม่อยากใส่แว่นแข่งในรายการ ผมเลยต้องตื่น 7 โมงเช้ามาใส่คอนแทคเลนส์ครั้งที่ 2 ในชีวิต (ครั้งแรกคือใส่ในงานแต่งงาน) ทำให้ขับรถมาที่ Work Point แบบตาปลือๆ คุณนายต้องคอยเอาน้ำให้กิน ชวนคุยเป็นระยะๆ กลัวหลับกลางทาง

Work Point วันนี้ดูสวยกว่าทุกวัน พอพวกเราทุกคนมาครบ ทีมงานก็พาเดินไปที่สตูดิโอ 3 พร้อมกับเดินขึ้นบันไดยาวไปห้องแต่งตัว ภายในมีกระจก ที่นั่งจำนวนมาก ห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และช่างแต่งทำผมหน้าก็ยืนประจำอยู่ 2 คน

ครั้งแรกที่เข้าไปรู้สึกได้เลยว่า นี่คงเป็นห้องที่ดารา และผู้เข้าร่วมรายการของ Work Point ต้องเคยผ่านเข้ามา แล้ววันนี้เราจะได้มาขึ้นเวทีกับเค้าบ้างหรือนี่ ความตื่นเต้นมันเลยเพิ่มขึ้นทวีคูณ

  • พี่ช่างทำถามว่าอยากทำทรงไหน ผมบอกว่าแล้วแต่พี่เห็นสมควรว่า ได้ออกทีวีแล้วหล่อสุดตั้งแต่เกิดมาเลยฮะ ซึ่งสุดท้ายทรงที่ได้คือผมตั้ง ปัดไปด้านข้าง พร้อมฉีดสเปรย์ให้ผมแข็งโป๊ก
  • เค้กที่เป็นผู้หญิงคนเดียว เลยแต่งหน้าทำผมนานสุด
  • ซักพักทีมงานก็เอาข้าวกล่องมาให้กิน ผมสั่งเป็นข้าวหมูทอดกระเทียม รสชาติธรรมดา แต่หมูสะเต๊ะกับผลไม้ที่มาด้วยอร่อยดี

  • ทีมงานบอกให้รอนานหน่อย เพราะข้างล่างกำลังจัดฉากและเตรียมพร้อมกับคนดูอยู่ ระหว่างรอก็นั่งคุยกับคนเข้าแข่งคนอื่นๆ
  • ผมแอบไปนอนในห้องแต่งตัว เพราะง่วงมาก ส่วนคนอื่นๆ ก็เล่นทายชื่อบุคคลต่างๆ รอบตัวสตีฟ จ็อบส์กันสนุกสนาน เนื่องจากทุกคนกลัวจะตกรอบแรก (ฮา)
  • ด้วยความที่เราทั้ง 5 คนพูดคุยและสนิทกันในเวลาอันรวดเร็ว เราเลยตกลงกันว่า เราจะไม่แข่งกัน แต่เราจะช่วยกัน เล่นเกมส์ไปด้วยกันอย่างสนุกๆ จะไม่พูดบรัฟกันแบบที่เคยเห็นในเทปรายการตอนอื่นๆ
  • ทีมงานฝ่ายฉากเดินขึ้นมาขอติดไมค์ลอยบนเสื้อของผู้เข้าแข่งทุกคน อารมณ์นั้นเหมือนที่เคยเห็นในทีวีเวลาที่ดารามีคนมาติดไมค์ลอยให้ เท่ห์จริงๆ เบยยย
  • สิ่งเดียวที่ทีมงานให้พวกเราในวันนี้ คือป้ายชื่อของแต่ละคน ไม่มีกระดาษโพยคำถาม หรือคู่มือแนวทางของคำตอบ มีให้แค่ป้ายชื่อจริงๆ ไม่มีเตรี๊ยม
  • เนื่องจากผมอายุมากที่สุดในกลุ่ม เลยดูเหมือนจะเป็นพี่ใหญ่ ชวนคุย ชวนสร้างความสามัคคีกัน ก่อนที่พวกเราจะลงไปแข่งขัน ผมเลยขอเรียกรวมพลัง พวกเราเอามือมาประสานกันเหมือนนักกีฬาจะลงแข่ง บอกกันว่าทำให้ดีที่สุด อย่าถือโทษโกรธกัน
  • “1 … 2 … 3 … สตีฟ จ็อบส์ !!” คือประโยคที่พวกเรา 5 คนพูดทิ้งท้าย ก่อนจะจากห้องแต่งตัวไปสู่เวทีรายการแฟนพันธุ์แท้
บรรยากาศการแข่งขัน
เข้าใจว่าคนอ่านน่าจะเคยดูรายการมาก่อนแล้ว (ถ้ายังไม่เคยดูขอแนะนำคลิปท้ายบล็อกตอนนี้) ก็จะขอเขียนถึงเรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ นอกจากการแข่งขันครับ
  • วันนี้น้องสาริกา พริ๊ตตี้ประจำรายการชื่อดังติดธุระ เลยเป็นน้องพริ๊ตตี้ผมสั้นอีกคนมาแทน
  • กองเชียร์นั่งประจำที่กันเรียบร้อย โดยกองเชียร์ @Khajochi ทั้ง 5 คนพร้อมป้ายไฟ ได้นั่งหน้าสุดเพราะทีมงานบอกว่า “โคตรเด่นอ่ะทีมนี้” #เฮือก
  • ผู้เข้าแข่งได้ที่นั่งข้างๆ เวที เพื่อรอเวลา โดยมีขวดน้ำเปล่ามาให้ ที่ขวดติดชื่อเราไว้ด้วย
  • ผมบอกทุกคนว่า “ตื่นเต้นว่ะ” ส่วนแบงก์กับเค้กบอก “ตื่นเต้นกว่าอีก”
  • แมคดูจะเป็นคนที่ไม่ตื่นเต้นที่สุดแล้ว ส่วนผมกับก้องตาโบ๋กันมาก รู้เลยว่าเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน
  • ทีมงานกำกับกองเชียร์มาพูดเรียกเสียงเฮฮาเป็นระยะๆ ปลุกอารมณ์คึกคักในตัวคุณมาก ไม่นานคุณกฤษณ์ พิธีกรก็มาถึง พูดแซวเล่นกับกองเชียร์เล็กน้อย
  • กฤษณ์พูดเปิดรายการ ผมชอบฉากสีฟ้าข้างหลัง ที่มีจอโชว์รูปสตีฟ จ็อบส์ขนาดใหญ่มาก วันนี้เป็นวันแรกที่ผมมองรูปของจ็อบส์ต่างไปจากที่เคย

  • ไม่รู้เพราะอะไร ผมรู้สึกเหมือนเค้ากำลังมองพวกเราอยู่ …
  • ทีมงานประกาศ “เอาล่ะครับ ขอเชิญพบกับผู้เข้าแข่งแฟนพันธุ์แท้สตีฟ จ็อบส์ทั้ง 5 คนได้เลยครับ !!” พวกเราค่อยๆ เดินขึ้นเวทีไป เสียงกรี๊ดกร๊าดดังลั่น ผมหันไปมองเชอรี่ พ่อ และกองเชียร์ ยิ้มนิดๆ ก่อนจะตั้งสมาธิให้อยู่กับการแข่งขัน
  • บนเวทีร้อนมาก ไม่ถึงกับเหงื่อออก แต่ก็จะอุ่นๆ ทีมงานบอกว่ารายการ Work Point จะเน้นแสงมากเป็นพิเศษ ภาพเลยออกมาคมชัดสวยงาม แต่แสงไฟก็แรงมากจนพิธีกรต้องทาครีมกันแดด
  • กฤษณ์เดินมาให้กำลังใจพวกว่า “เสร็จแน่พวกคุณ ผมบอกได้เลยว่ายากสุดๆ … ฮะๆๆๆ”
  • จุดที่เรายืนจะมีกระดานสีขาว พร้อมปากกาไว้รอ พร้อมรีโมทให้กด เวลาต้องแย่งกันตอบ ทีมงานให้ทดลองกดเล่นทดสอบว่าใช้ได้จริง
  • แข่ง 3 วินาทีรอบแรก ก้องตอบผิด ผมเข้าใจว่าเพราะความตื่นเต้น ซึ่งพวกเราก็ตื่นเต้นกันจริงๆ ถ้าได้ขึ้นไปยืนตรงนั้นจะเข้าใจ
  • รอบที่ 2 ตอบได้ทุกคน พวกเราช่วยกันอธิบายเรื่องราวของสตีฟ จ็อบส์อย่างยืดยาว แต่เข้าใจง่าย เพราะทีมงานย้ำว่า “ให้คิดซะว่าพวกเรา 5 คนมาช่วยกันเล่าเรื่องราวของสตีฟ จ็อบส์ให้ทุกคนได้รู้”
  • รอบที่ 3 ผมเป็นคนเดียวที่ตอบผิด ซึ่งคำตอบมันวนอยู่ในหัวแล้ว แต่พูดไม่ออก มันเบลอ มันตื่นเต้น ผลจากการไม่ค่อยได้นอนเริ่มส่งผลตอนนี้นี่เอง
  • เป้าหมายของทุกคนคือผ่านรอบ 3 วินาทีไปให้ได้ ที่เหลือถือว่าเป็นกำไร ซึ่งก้องโชคร้ายที่รอบแข่งตัวต่อตัวกดปุ่มไม่ทันแค่นั้นเอง ผมเลยได้เข้ารอบไป จริงๆ แล้วก้องรู้คำตอบข้อนี้ดีเป็นอย่างยิ่ง ผมเดินไปกอดในสปิริตที่น้องมี และก็มาแข่งอย่างสมศักดิ์ศรีแล้ว

  • พักจากแข่งรอบแรก 10 นาที เราก็ได้ขึ้นไปแข่งรอบ 2 ต่อมาเลย คือเรื่องของผลิตภัณฑ์ เปิดมาภาพแรก แบงก์กดทันที แอ๊ด !! เราทุกคนหันไปตะลึงว่าจะตอบเลยเหรอ ทั้งที่อีก 3 ภาพยังไม่เห็น … สรุปแล้วแบงก์บอกว่า “ผมมือลั่นคร๊าบบบบ” (ไม่ตื่นเต้นเลยเห็นไหม)
  • และในที่สุดแบงก์ก็กดได้ก่อนทุกคนจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ตอบผิดไป 1 ข้อ ในใจตอนนั้นผมรู้สึกได้เลยว่า เราต้องแย่งตอบข้อต่อมาให้ได้ซะแล้ว
  • รอบที่ 2 ข้อจิ๊กซอว์ ซึ่งพอกฤษณ์พูดคำว่า “Apple Store ..” พวกเราทุกคนก็ร้องโอ้วววขึ้นมาอย่างที่เห็นในรายการ เพราะเป็นหัวข้อที่น่าจะยากสุดสำหรับทุกคน
  • เปิดมาป้ายแรก เห็นแค่รูปไฟรถสีแดงวิ่ง ผมซึ่งอยู่ไกลสุดรีบกดทันที แต่ไฟขึ้นที่แมคซึ่งกดได้เร็วกว่า ผมเดาในใจว่านี่คือสาขา Ginza ประเทศญี่ปุ่น โชคดีที่ผมกดไม่ทันเพราะผิด ที่ถูกคือสาขา IFC Mall ฮ่องกง (อย่างที่แมคบอกในรายการว่าถ้าเขาตอบไม่ถูกคนต่อไปถูกแน่ เพราะรูปแบบนี้มีแค่ 2 สาขาคือไม่ Ginza ก็ IFC Mall)
  • ทุกคนเดินไปแสดงความยินดีกับแมค เราดีใจกันจริงๆ ที่มีคนตอบได้ เพราะตอนนี้ทุกคนถือว่าเป็นกำไรของตัวเองแล้ว
  • ข้อต่อมาเป็นเรื่องเสียงใน Keynote พอได้ยินโจทย์แล้วมั่นใจมาก เพราะเชื่อว่าตัวเองที่ฟัง Keynote ของสตีฟ จ็อบส์เกือบทุกวัน (งานอดิเรก) น่าจะได้เปรียบคนอื่นๆ และผมก็กดได้สิทธิ์ตอบจริงๆ
  • ตอนที่พูดคำตอบออกไปว่าปี 1997 มั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ แต่พอคุณกฤษณ์ฟังคำตอบเสร็จ ส่ายหัว ถอนหายใจ เล่นเอาผวากลางรายการ รึว่าจะตอบผิดวะเนี่ย เลยต้องลุ้นมากจนต้องกระโดดดีใจอย่างที่เห็น =__=”
  • สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดคือนาทีที่ตอบถูก คนแรกที่พุ่งเข้ามาดีใจกับผมคือแบงก์ และต่อมาคือเค้ก ซึ่งนาทีนั้นทั้ง 2 คนต้องตกรอบ แต่ไม่มีใครลังเลที่จะมาดีใจกับคนที่เข้ารอบเลย ชื่นชมในสปิริตของทุกคนมากๆ

  • ช่วงพักก่อนรอบ 2 คนสุดท้าย ได้มีโอกาสไปทักทายกองเชียร์ ป๊าบอกแค่ว่าให้สู้ๆ ทำให้ดีที่สุด แต่ดูจากสีหน้าแล้ว เดาว่าตอนที่ลูกชายกำลังแข่งคงลุ้น ตะโกนเสียงดังจนหน้าแดง ^^
  • ช่วงที่รอจัดเวทีรอบ 2 คนสุดท้าย ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่ผมกับแมคคุยกัน คือนั่งเดาว่าคำถามรอบนี้จะถามอะไร แล้วเราก็ช่วยกันติวว่าคำตอบคืออะไร ใครมีความรู้อะไรเอาออกมาแชร์กันหมดไม่มีกั๊ก รวมถึงเพื่อนๆ อีก 3 คนด้วย
  • นาทีนั้นผมเข้าใจเลยว่าทำไมเวลาเราดูรายการแฟนพันธุ์แท้ คนที่เข้าแข่งถึงได้ดูรักกันดีจัง

  • รอบ 2 คนสุดท้าย ถ้าดูจากทีวีจะเห็นว่าเราตอบกันแค่คนละข้อ แต่แท้จริงแล้วเราเล่นกันไปคนละ 2 ข้อ เพียงแต่ข้อแรกของทั้ง 2 คนตอบผิด รายการเลยตัดออกไป
  • แมคได้คำถามว่า “วันสตีฟ จ็อบส์ที่รัฐ California ประกาศคือวันที่เท่าไหร่ของทุกปี” เฉลยคือวันที่ 16 ต.ค. ซึ่งทั้งผมและแมคก็ไม่รู้คำตอบทั้งคู่
  • ผมได้คำถามว่า “โลโก้แอปเปิลสมัยก่อน มีทั้งหมดกี่สี สีอะไรบ้าง ให้ไล่จากบนลงล่าง” ซึ่งเป็นข้อที่ผมใช้วิธีหลับตาแล้วนึกเอาว่ามีกี่สี ผมใช้เวลาไล่อยู่ 10 นาที ได้สีเขียว, เหลือง, ส้ม, แดง, ม่วง และน้ำเงิน
  • นาทีที่ตอบนั้น ถ้าข้อนี้ตอบถูกผมจะได้เป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ซึ่งตอนนั้นรู้สึกตัวสั่น และคิดว่าที่ตอบไปน่าจะถูกต้อง … แต่แล้วก็ผิด ผิดไปแค่สีเดียวคือสีสุดท้ายไม่ใช่สีน้ำเงิน แต่เป็นสีฟ้า
  • หลังจากนั้นเรามาแข่งกันใหม่อีกรอบ ซึ่งแมคตอบถูก และผมตอบผิดอย่างที่เห็นในรายการ เราสองคนก็แสดงสปิริตอย่างที่คนอื่นๆ ทำให้รอบก่อนหน้า คือไปยินดีกับผู้เข้ารอบ
  • ช่วงที่แมคตอบคำถามสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ พวกเราทุกคนทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าการลุ้นให้แมคตอบได้ และนาทีที่คำเฉลยออกมาว่า “ถูกต้องนะครับ !!” เราทั้ง 4 คนวิ่งไปกอดแสดงความยินดีกับแมค โดยที่ไม่ต้องบอกกันเลย น่าประทับใจจริงๆ
เสียดาย มากกว่าเสียใจ
จบการแข่งขัน ทีมงานให้พวกเรามารับเซ็นต์เอกสาร ซึ่งมีค่าออกรายการให้นิดหน่อย คนที่เข้ารอบลึกก็จะได้มากกว่าคนอื่นๆ ในห้องพัักเราถ่ายรุปกับถ้วยแฟนพันธุ์แท้สตีฟ จ็อบส์เป็นที่ระทึก
ทีมงานนำหนังสือ “Steve Jobs by Walter Isaacson” เวอร์ชันภาษาไทยมาให้คนละเล่ม ข้างในมีลายเซ็นต์ของคุณสุทธิชัยหยุ่น (บก.) กับคุณณงลักษณ์ จารุวัฒน์ (ผู้แปลหนังสือ) เป็นของที่ทางเนชั่นอยากมอบให้กับผู้เข้าแข่งทุกคน เราก็เลยถือเป็น Friendship แลกลายเซ็นกันอย่างสนุกสนาน
ทุกคนกลับบ้านไป ผมโบกมือลาทุกคนที่มาช่วยเชียร์ จากนั้นผมไปนั่งรอพี่ทีมงานท่านหนึ่งที่ผมประทับใจเป็นพิเศษ คือพี่จุ๊ เพื่อขอถ่ายรูปด้วย รอแกประชุมกับทีมงานก่อน 30 นาที พอออกมาแกเห็นผมรอจะถ่ายรูปด้วยเลยตกใจ แต่ผมก็รู้สึกนับถือทีมงานรายการแฟนพันธุ์แท้จริงๆ และก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกหรือเปล่าจากนี้
ผมขับรถกลับบ้านกับเชอรี่ นาทีนั้นทุกอย่างเหมือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เกมส์ที่เราเตรียมตัวมาไม่ได้หลับได้นอนเป็นเดือน ผ่านไปแล้วราวกับกระพริบตาตื่น เราสองคนไม่ได้คุยอะไรกัน ในรถมีแต่ความเงียบเชียบ … จนเมื่อเชอรี่พูดขึ้นมาว่า
“เก่งแล้วเน๊อะ เข้ามาถึงรอบนี้ได้ แฟนเค้าเก่งที่สุดเลยค่ะ” เชอรี่ปลอบใจ
ผมเงียบไม่รู้จะพูดอะไร แต่อยู่ดีๆ ภาพเชอรี่ที่อดนอนตื่นขึ้นมากลางดึก ปอกผลไม้ให้กิน เอาน้ำมาให้ดื่ม ยอมยกเลิกทริปไปเที่ยวปาย ยกเลิกเที่ยวบินที่จองไปแล้ว เพราะต้องการให้ผมได้มาทำตามฝัน
แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมา
“อ๊า .. ที่รักเก่งที่สุดเลยนะคะ ไม่เป็นไรเน๊อะ” เชอรี่ตกใจ
“… เค้าขอโทษนะคะ”
“ไม่ต้องขอโทษค่ะ ขอโทษทำไม … ทำดีที่สุดแล้ว … อีกนิดเดียวเองเน๊อะ”
พอได้ยินคำว่าอีกนิดเดียวเองเน๊อะ ภาพตอนตอบคำถามสีโลโก้แอปเปิลที่ตอบผิดก็โผล่ขึ้นมา ใช่จริงๆ ด้วย อีกนิดเดียวเท่านั้นเอง ผมเชื่อว่าทุกคนที่มาแข่งก็คงหวังว่าจะชนะ และผมเองก็เป็นคนนึงที่รักในตัวสตีฟ จ็อบส์ และอยากชนะไม่น้อยไปกว่าใคร
สุดท้ายผมร้องไห้หนักมาก ปล่อยโฮจนเชอรี่ตกใจ เพราะตอนนั้นเราอยู่ระหว่างขับรถบนทางด่วนกลับบ้าน ซึ่งค่อนข้างอันตราย เชอรี่หยิบกระดาษมาให้ยกใหญ่ ผมก็พยายามฝืนความรู้สึกเพื่อให้ขับรถได้จนถึงบ้าน
ผมไม่เคยบอกใครว่าผมแอบร้องไห้ทุกวันอยู่เกือบเดือน คือความรู้สึกของนักวิ่งที่อีกแค่ 0.1 วินาทีจะเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 แต่กลับไปไม่ทันมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเชอรี่เองก็แอบไปร้องไห้ในห้องน้ำ เพราะสงสารที่เห็นผมเศร้ามากเหมือนกัน
มานั่งทบทวนดูแล้ว ผมไม่ได้เสียใจเลยที่ไม่ชนะ และเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้ต้องการชนะมากขนาดนั้น เพียงแต่มันแค่รู้สึก “เสียดาย” มากกว่า คำว่า “อีกนิดเดียวเองเน๊อะ” มันคอยตามอยู่อย่างนี้หลายเดือน โชคดีที่การแข่งรายการนี้ เป็นการแข่งกับตัวเอง เราตอบผิดเอง ผมเลยรู้สึกยินดีกับแมคที่ชนะมาก อย่างจริงใจที่สุด 🙂

1 ปีผ่านไป ชีวิตเปลี่ยน 

และนั่นก็คือประสบการณ์ดีๆ ที่ได้เข้าไปแข่งในรายการแฟนพันธุ์แท้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็น่าจดจำเหลือเกิน ทุกวันนี้พวกเรา 5 คนที่เข้าแข่งก็ยังพบปะพูดคุยกันเป็นประจำ และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ย้อนคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ในรายการ

หลังจากได้ออกทีวีไป ชื่อของแฟนพันธุ์แท้ก็ติดตัวมาด้วย (คนเข้าแข่งทุกคนสามารถใช้ชื่อแฟนพันธุ์แท้ได้ ส่วนผู้ชนะจะเรียกสุดยอดแฟนพันธุ์แท้) ซึ่งก็มีหลายรายการเชิญไปสัมภาษณ์ ได้มีตัวตนในโลก Social Network ได้ออกทีวี ได้มีบทความในนิตยสาร มีเว็บเป็นของตัวเอง

คนภายนอกอาจจะมองว่าก็แค่รายการเล็กๆ ออกอากาศ 1 ชั่วโมงบนทีวี

แต่สำหรับสิ่งที่ผมได้รับมา ผมว่ามันเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากจริง และไม่เคยลังเลที่จะแนะนำให้หลายคนไปเข้าแข่งรายการนี้เลยครับ อย่างน้อยก็ได้ทำ ได้ศึกษา ได้แสดงให้เห็นว่าเรารักในสิ่งนั้นจริงๆ ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก เชื่อว่าสิ่งนั้นจะต้องออกมาดีเยี่ยมแน่นอน

ใช่ไหมครับ .. สตีฟ จ็อบส์ 🙂