ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากที่ได้ตัดสินใจสมัครแข่งแฟนพันธุ์แท้ในหัวข้อ “สตีฟ จ็อบส์” และก็ได้ผ่านการสัมภาษณ์แบบสุดโหด ทั้งทำข้อสอบ และทดสอบแบบตัวต่อตัวไปแล้ว ในที่สุดผมก็ได้ข่าวดีจากทีมงานว่า ได้เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายของรายการแล้วจ้า !!
ได้เข้ารอบ 5 คนก็หมายความว่าได้ออกทีวี ได้ออกทีวีก็แปลว่าจะมีคนเห็นเราทั่วประเทศ …
ความกลุ้มใจลำดับต่อมาซึ่งอาจจะดูไร้สาระแต่ผู้เข้าแข่งทุกคนต้องคิดถึงคือ
- ใส่ชุดอะไรไปแข่ง
- ทำผมทรงอะไร
- จะลากใครไปเป็นกองเชียร์บ้าง
- แว๊ก !! ทำไมหน้าโทรม สิวขึ้น ตาโบ๋อย่างงี้ฟะ (คนที่แข่งส่วนใหญ่เตรียมตัวแบบไม่หลับไม่นอน)
- เตรียมตัวเป็นเดือน ตกรอบแรกจะทำยังไง
- ฯฯฯฯฯลลลลลฯฯฯฯฯ (คือคิดเยอะมาก ไอ้เรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับแข่งเท่าไหร่)
- เป็นการมาสตูดิโอ Work Point ครั้งที่ 3 แต่พิเศษหน่อยเพราะมาช่วงกลางวัน และวันนี้มีการอัดหลายรายการ
- สตูดิโอที่นี่ห้องหนึ่งใหญ่มาก รับคนดูได้หลักพัน เหมือนที่เราเห็นในทีวี รายการใหญ่ๆ อย่างชิงร้อยชิงล้าน, ชิงช้าสวรรค์, ราชรถมาเกย
- เดินเข้ามาด้านใน พบว่ามีห้องอัดรายการมากถึง 5 สตูดิโอ !! คือที่นี่ใหญ่ขนาดอัดราย 5 รายการได้พร้อมกัน รองรับคนดูเป็นหมื่นคนได้เลย
- วันนี้โชคดีมีคิวอัดรายการชิงช้าสวรรค์ ด้านนอกเลยได้เห็นการฝึกซ้อมก่อนขึ้นเวทีของหลายทีม ทุกคนใส่ชุดจัดเต็มมาก แล้วก็ซ้อมกันจริงจังก่อนเข้าไปในสตูดิโอ
- ห้องที่พวกเราจะถ่าย VTR คือสตู 3 มีขนาดไม่ใหญ่มาก เปิดเข้าไปมืดสนิท แอร์เย็นเจี๊ยบ ทีมงานจัดแสงไฟเล็กน้อย มีโลโก้แอปเปิลวางด้านหลัง พร้อมจอโปรเจ็คเตอร์
- เป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกับคนเข้าแข่งทั้ง 5 คน คือ แบงก์ พนักงาน iStudio, ก้อง นักศึกษาแพทย์, แมค เจ้าของกิจการ และเค้ก ผู้หญิงคนเดียวในการแข่งขัน
- ที่เขียนมาเมื่อกี้นี้ คือเรียงลำดับตามอายุแล้ว ส่วนข้าพเจ้า แก่สุดในการแข่งครั้งนี้ (ง๊าาาา แก่เว้ยเฮ้ยยยย >////<)
- พวกเราคุยกันทีแรกก็ดูงงๆ เล็กน้อย แต่ซักพักก็เริ่มโยงเข้าเรื่องแอปเปิล และจูนกันติดทันที คือเหมือนมีอะไรที่ชอบ(แบบบ้าคลั่ง) เหมือนกันหมดทั้ง 5 คน ทำให้สนิทใจขึ้นมาอย่างประหลาด
- พี่จุ๊ทีมงานมาแจ้งว่า วันนี้จะถ่าย VTR โดยให้แต่ละคนทำเหมือนพูด Keynote แบบสตีฟ จ็อบส์อยู่ ทีมงานจะมาช่วยคิดคำพูดโดนๆ ให้เราซักซ้อมด้วย ก่อนจะไปออกหน้ากล้อง
- ซึ่งมันยากมาก แค่จำประโยคสั้นๆ ไม่เท่าไหร่ แต่มันยากตรงที่เวลาอยู่หน้ากล้อง จะเดิน จะขยับ จะพูดยังไง มองทางไหน มืออีกข้างวางยังไง เสียงก็ต้องออกมาฟังชัด ฯลฯ
- ทุกครั้งที่สั่งเริ่ม ทั้งห้องเงียบกริบ ไฟส่องที่หน้า 3 ตัว กล้อง 2 ตัว ทีมงาน 8 คน จ้องมาที่เราหมด
- เทคแรก 3 .. 2 .. 1 .. เริ่ม : “ผมนับถือ … และ … และ …. ” คัท !!
- เทคสอง 3 .. 2 .. 1 .. เริ่ม : “ผมนับถือ และศรัทธาในแนวคิดของสตีฟ จ็อบส์ ผู้ซึ่ง …” คัท !! พูดช้าลงหน่อยครับ
- เทคห้า 3 .. 2 .. 1 .. เริ่ม : “… แม้แต่น้ำแข็งในงานแต่งงานของผม … [ทำท่ากดรีโมท]” คัท !! กดรีโมทไปผิดทางครับคุณเอ็ม
- เฮ้ย !! กดดันเว้ยเฮ้ยยยยยย (>__<)/
- สรุปทั้งถ่ายแบบสั้น แบบยาว แบบเก๊กหล่อเฉยๆ ใช้ไปประมาณ 11 เทค เครียดกว่าแข่งอีกนะเนี่ย
- มีการจับสลากว่าใครได้ลำดับการเล่นก่อนหลัง ซึ่งก็คือ ก้อง, เอ็ม, แบงก์, เค้ก, แมค
- ทีมงานเรียกเข้าไปคุยในห้องกันอีกครั้ง เพื่อสรุปว่าตกลงจะแข่งอะไร โดยรอบ 3 วินาทีจะไม่ได้เอาแอพมาถาม แต่จะถามใครก็ได้รอบตัวสตีฟ จ็อบส์ ซึ่งอาจจะอยู่หรือไม่อยู่ในหนังสือชีวประวัติก็ได้
- ส่วนรอบอื่นๆ ทีมงานบอกก็ให้เตรียมมาดีๆ ละกัน ไม่บอกอะไรต่อ พร้อมยิ้มแฉ่งให้ผู้เข้าแข่งอย่างโรคจิต หึๆๆๆๆ
- ก่อนกลับ เราเดินผ่านสตูดิโอห้องใหญ่ เจ้าหน้าที่กำลังยกของ จัดแสงไฟอย่างขยันขันแข็ง แอบมองเข้าไปก็พบกับโลโก้ท่า I Love You ขนาดยักษ์ .. ใช่แน่แล้วนี่คือเวทีของรายการแฟนพันธุ์แท้ !!
- สอบถามกับทีมงานได้ความรู้ใหม่ว่า ฉากของรายการที่เราเห็นยิ่งใหญ่ ไม่ได้วางไว้ในห้องแบบถาวร สตูดิโอที่นี่มีน้อยกว่าจำนวนรายการ เพราะฉะนั้นก่อนถ่าย 1 วันจะมีการตั้งเวทีใหม่ และเมื่อถ่ายเสร็จก็จะพับเวทีทั้งหมดเก็บ เพื่อมาจัดฉากของรายการต่อๆ ไป
ออกทีวีทั้งที ไม่ใช่แค่คนเข้าแข่งที่ตื่นเต้น แต่กองเชียร์เองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“เค้าใส่ชุดอะไรไปเชียร์ตะเองดีอ๊าาา กลุ้มใจๆๆๆๆ ชุดนี้ ชุดนั้น หรือชุดโน้นดีคะ ???” คุณนายตื่นเต้นเดินมาถามสามี ผู้ซึ่งหลบอยู่ในกองหนังสือสตีฟ จ็อบส์แทบจะท่วมหัว
ไม่นานนักคุณนายก็เปิดไอโฟน คุยแชทกับเหล่ากองเชียร์ข้าพเจ้ากันงุบงิบๆ รวมถึงท่านพ่อที่พอได้ยินว่าลูกชายจะได้ไปออกทีวี ก็ถึงกับตีตั๋วรถทัวร์จากขอนแก่น วิ่งตรงดิ่งมาเพื่อเชียร์ลูกชายโดยเฉพาะ
“ใส่ชุดง่ายๆ ก็ได้ค่ะ กองเชียร์เค้าก็อยู่เป็น Background อาจจะไม่ได้เห็นอะไรมาก” ผมแวะเดินมาบอก
“ได้ค่ะ ง่ายๆ เน๊อะ” ^___^ คุณนายหันมายิ้ม พร้อมกลับไปนั่งงุบงิบๆ กับเหล่ากองเชียร์ต่อ
สรุปแล้วกองเชียร์ผมจะมากัน 5 คน คือเชอรี่, พี่สาว, ญาติอีก 2 คน และท่านพ่อ โดยทั้งหมดจะใส่เสื้อยืดสีขาวที่สกรีนคำว่า “@Khajochi” พร้อมกับป้ายไฟอีก 1 อันไว้กรี๊ดดด ในห้องส่ง !!!!!!!!!!
“ได้ค่ะ ง่ายๆ เน๊อะ …”
แข่งแฟนพันธุ์แท้สตีฟ จ็อบส์
เราอัดเทปกันวันจันทร์ที่ 13 ก.พ. 2012 และเทปจะออกอากาศในวันศุกร์ที่ 17 ก.พ. 2012 เลย ทีมงานนัดพวกเรามารวมตัวประมาณ 9 โมงเช้า เพื่อที่จะแต่งหน้า ทำผม เตรียมความพร้อมหลายๆ อย่าง ส่วนกองเชียร์มาช่วง 10 โมงได้
หลังจากที่อดนอนมาหลายวัน และเมื่อคืนนี้ก็ตื่นเต้นนอนไม่ค่อยหลับ แต่ด้วยความที่ไม่อยากใส่แว่นแข่งในรายการ ผมเลยต้องตื่น 7 โมงเช้ามาใส่คอนแทคเลนส์ครั้งที่ 2 ในชีวิต (ครั้งแรกคือใส่ในงานแต่งงาน) ทำให้ขับรถมาที่ Work Point แบบตาปลือๆ คุณนายต้องคอยเอาน้ำให้กิน ชวนคุยเป็นระยะๆ กลัวหลับกลางทาง
Work Point วันนี้ดูสวยกว่าทุกวัน พอพวกเราทุกคนมาครบ ทีมงานก็พาเดินไปที่สตูดิโอ 3 พร้อมกับเดินขึ้นบันไดยาวไปห้องแต่งตัว ภายในมีกระจก ที่นั่งจำนวนมาก ห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และช่างแต่งทำผมหน้าก็ยืนประจำอยู่ 2 คน
ครั้งแรกที่เข้าไปรู้สึกได้เลยว่า นี่คงเป็นห้องที่ดารา และผู้เข้าร่วมรายการของ Work Point ต้องเคยผ่านเข้ามา แล้ววันนี้เราจะได้มาขึ้นเวทีกับเค้าบ้างหรือนี่ ความตื่นเต้นมันเลยเพิ่มขึ้นทวีคูณ
- พี่ช่างทำถามว่าอยากทำทรงไหน ผมบอกว่าแล้วแต่พี่เห็นสมควรว่า ได้ออกทีวีแล้วหล่อสุดตั้งแต่เกิดมาเลยฮะ ซึ่งสุดท้ายทรงที่ได้คือผมตั้ง ปัดไปด้านข้าง พร้อมฉีดสเปรย์ให้ผมแข็งโป๊ก
- เค้กที่เป็นผู้หญิงคนเดียว เลยแต่งหน้าทำผมนานสุด
- ซักพักทีมงานก็เอาข้าวกล่องมาให้กิน ผมสั่งเป็นข้าวหมูทอดกระเทียม รสชาติธรรมดา แต่หมูสะเต๊ะกับผลไม้ที่มาด้วยอร่อยดี
- ทีมงานบอกให้รอนานหน่อย เพราะข้างล่างกำลังจัดฉากและเตรียมพร้อมกับคนดูอยู่ ระหว่างรอก็นั่งคุยกับคนเข้าแข่งคนอื่นๆ
- ผมแอบไปนอนในห้องแต่งตัว เพราะง่วงมาก ส่วนคนอื่นๆ ก็เล่นทายชื่อบุคคลต่างๆ รอบตัวสตีฟ จ็อบส์กันสนุกสนาน เนื่องจากทุกคนกลัวจะตกรอบแรก (ฮา)
- ด้วยความที่เราทั้ง 5 คนพูดคุยและสนิทกันในเวลาอันรวดเร็ว เราเลยตกลงกันว่า เราจะไม่แข่งกัน แต่เราจะช่วยกัน เล่นเกมส์ไปด้วยกันอย่างสนุกๆ จะไม่พูดบรัฟกันแบบที่เคยเห็นในเทปรายการตอนอื่นๆ
- ทีมงานฝ่ายฉากเดินขึ้นมาขอติดไมค์ลอยบนเสื้อของผู้เข้าแข่งทุกคน อารมณ์นั้นเหมือนที่เคยเห็นในทีวีเวลาที่ดารามีคนมาติดไมค์ลอยให้ เท่ห์จริงๆ เบยยย
- สิ่งเดียวที่ทีมงานให้พวกเราในวันนี้ คือป้ายชื่อของแต่ละคน ไม่มีกระดาษโพยคำถาม หรือคู่มือแนวทางของคำตอบ มีให้แค่ป้ายชื่อจริงๆ ไม่มีเตรี๊ยม
- เนื่องจากผมอายุมากที่สุดในกลุ่ม เลยดูเหมือนจะเป็นพี่ใหญ่ ชวนคุย ชวนสร้างความสามัคคีกัน ก่อนที่พวกเราจะลงไปแข่งขัน ผมเลยขอเรียกรวมพลัง พวกเราเอามือมาประสานกันเหมือนนักกีฬาจะลงแข่ง บอกกันว่าทำให้ดีที่สุด อย่าถือโทษโกรธกัน
- “1 … 2 … 3 … สตีฟ จ็อบส์ !!” คือประโยคที่พวกเรา 5 คนพูดทิ้งท้าย ก่อนจะจากห้องแต่งตัวไปสู่เวทีรายการแฟนพันธุ์แท้
- วันนี้น้องสาริกา พริ๊ตตี้ประจำรายการชื่อดังติดธุระ เลยเป็นน้องพริ๊ตตี้ผมสั้นอีกคนมาแทน
- กองเชียร์นั่งประจำที่กันเรียบร้อย โดยกองเชียร์ @Khajochi ทั้ง 5 คนพร้อมป้ายไฟ ได้นั่งหน้าสุดเพราะทีมงานบอกว่า “โคตรเด่นอ่ะทีมนี้” #เฮือก
- ผู้เข้าแข่งได้ที่นั่งข้างๆ เวที เพื่อรอเวลา โดยมีขวดน้ำเปล่ามาให้ ที่ขวดติดชื่อเราไว้ด้วย
- ผมบอกทุกคนว่า “ตื่นเต้นว่ะ” ส่วนแบงก์กับเค้กบอก “ตื่นเต้นกว่าอีก”
- แมคดูจะเป็นคนที่ไม่ตื่นเต้นที่สุดแล้ว ส่วนผมกับก้องตาโบ๋กันมาก รู้เลยว่าเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน
- ทีมงานกำกับกองเชียร์มาพูดเรียกเสียงเฮฮาเป็นระยะๆ ปลุกอารมณ์คึกคักในตัวคุณมาก ไม่นานคุณกฤษณ์ พิธีกรก็มาถึง พูดแซวเล่นกับกองเชียร์เล็กน้อย
- กฤษณ์พูดเปิดรายการ ผมชอบฉากสีฟ้าข้างหลัง ที่มีจอโชว์รูปสตีฟ จ็อบส์ขนาดใหญ่มาก วันนี้เป็นวันแรกที่ผมมองรูปของจ็อบส์ต่างไปจากที่เคย
- ไม่รู้เพราะอะไร ผมรู้สึกเหมือนเค้ากำลังมองพวกเราอยู่ …
- ทีมงานประกาศ “เอาล่ะครับ ขอเชิญพบกับผู้เข้าแข่งแฟนพันธุ์แท้สตีฟ จ็อบส์ทั้ง 5 คนได้เลยครับ !!” พวกเราค่อยๆ เดินขึ้นเวทีไป เสียงกรี๊ดกร๊าดดังลั่น ผมหันไปมองเชอรี่ พ่อ และกองเชียร์ ยิ้มนิดๆ ก่อนจะตั้งสมาธิให้อยู่กับการแข่งขัน
- บนเวทีร้อนมาก ไม่ถึงกับเหงื่อออก แต่ก็จะอุ่นๆ ทีมงานบอกว่ารายการ Work Point จะเน้นแสงมากเป็นพิเศษ ภาพเลยออกมาคมชัดสวยงาม แต่แสงไฟก็แรงมากจนพิธีกรต้องทาครีมกันแดด
- กฤษณ์เดินมาให้กำลังใจพวกว่า “เสร็จแน่พวกคุณ ผมบอกได้เลยว่ายากสุดๆ … ฮะๆๆๆ”
- จุดที่เรายืนจะมีกระดานสีขาว พร้อมปากกาไว้รอ พร้อมรีโมทให้กด เวลาต้องแย่งกันตอบ ทีมงานให้ทดลองกดเล่นทดสอบว่าใช้ได้จริง
- แข่ง 3 วินาทีรอบแรก ก้องตอบผิด ผมเข้าใจว่าเพราะความตื่นเต้น ซึ่งพวกเราก็ตื่นเต้นกันจริงๆ ถ้าได้ขึ้นไปยืนตรงนั้นจะเข้าใจ
- รอบที่ 2 ตอบได้ทุกคน พวกเราช่วยกันอธิบายเรื่องราวของสตีฟ จ็อบส์อย่างยืดยาว แต่เข้าใจง่าย เพราะทีมงานย้ำว่า “ให้คิดซะว่าพวกเรา 5 คนมาช่วยกันเล่าเรื่องราวของสตีฟ จ็อบส์ให้ทุกคนได้รู้”
- รอบที่ 3 ผมเป็นคนเดียวที่ตอบผิด ซึ่งคำตอบมันวนอยู่ในหัวแล้ว แต่พูดไม่ออก มันเบลอ มันตื่นเต้น ผลจากการไม่ค่อยได้นอนเริ่มส่งผลตอนนี้นี่เอง
- เป้าหมายของทุกคนคือผ่านรอบ 3 วินาทีไปให้ได้ ที่เหลือถือว่าเป็นกำไร ซึ่งก้องโชคร้ายที่รอบแข่งตัวต่อตัวกดปุ่มไม่ทันแค่นั้นเอง ผมเลยได้เข้ารอบไป จริงๆ แล้วก้องรู้คำตอบข้อนี้ดีเป็นอย่างยิ่ง ผมเดินไปกอดในสปิริตที่น้องมี และก็มาแข่งอย่างสมศักดิ์ศรีแล้ว
- พักจากแข่งรอบแรก 10 นาที เราก็ได้ขึ้นไปแข่งรอบ 2 ต่อมาเลย คือเรื่องของผลิตภัณฑ์ เปิดมาภาพแรก แบงก์กดทันที แอ๊ด !! เราทุกคนหันไปตะลึงว่าจะตอบเลยเหรอ ทั้งที่อีก 3 ภาพยังไม่เห็น … สรุปแล้วแบงก์บอกว่า “ผมมือลั่นคร๊าบบบบ” (ไม่ตื่นเต้นเลยเห็นไหม)
- และในที่สุดแบงก์ก็กดได้ก่อนทุกคนจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ตอบผิดไป 1 ข้อ ในใจตอนนั้นผมรู้สึกได้เลยว่า เราต้องแย่งตอบข้อต่อมาให้ได้ซะแล้ว
- รอบที่ 2 ข้อจิ๊กซอว์ ซึ่งพอกฤษณ์พูดคำว่า “Apple Store ..” พวกเราทุกคนก็ร้องโอ้วววขึ้นมาอย่างที่เห็นในรายการ เพราะเป็นหัวข้อที่น่าจะยากสุดสำหรับทุกคน
- เปิดมาป้ายแรก เห็นแค่รูปไฟรถสีแดงวิ่ง ผมซึ่งอยู่ไกลสุดรีบกดทันที แต่ไฟขึ้นที่แมคซึ่งกดได้เร็วกว่า ผมเดาในใจว่านี่คือสาขา Ginza ประเทศญี่ปุ่น โชคดีที่ผมกดไม่ทันเพราะผิด ที่ถูกคือสาขา IFC Mall ฮ่องกง (อย่างที่แมคบอกในรายการว่าถ้าเขาตอบไม่ถูกคนต่อไปถูกแน่ เพราะรูปแบบนี้มีแค่ 2 สาขาคือไม่ Ginza ก็ IFC Mall)
- ทุกคนเดินไปแสดงความยินดีกับแมค เราดีใจกันจริงๆ ที่มีคนตอบได้ เพราะตอนนี้ทุกคนถือว่าเป็นกำไรของตัวเองแล้ว
- ข้อต่อมาเป็นเรื่องเสียงใน Keynote พอได้ยินโจทย์แล้วมั่นใจมาก เพราะเชื่อว่าตัวเองที่ฟัง Keynote ของสตีฟ จ็อบส์เกือบทุกวัน (งานอดิเรก) น่าจะได้เปรียบคนอื่นๆ และผมก็กดได้สิทธิ์ตอบจริงๆ
- ตอนที่พูดคำตอบออกไปว่าปี 1997 มั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ แต่พอคุณกฤษณ์ฟังคำตอบเสร็จ ส่ายหัว ถอนหายใจ เล่นเอาผวากลางรายการ รึว่าจะตอบผิดวะเนี่ย เลยต้องลุ้นมากจนต้องกระโดดดีใจอย่างที่เห็น =__=”
- สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดคือนาทีที่ตอบถูก คนแรกที่พุ่งเข้ามาดีใจกับผมคือแบงก์ และต่อมาคือเค้ก ซึ่งนาทีนั้นทั้ง 2 คนต้องตกรอบ แต่ไม่มีใครลังเลที่จะมาดีใจกับคนที่เข้ารอบเลย ชื่นชมในสปิริตของทุกคนมากๆ
- ช่วงพักก่อนรอบ 2 คนสุดท้าย ได้มีโอกาสไปทักทายกองเชียร์ ป๊าบอกแค่ว่าให้สู้ๆ ทำให้ดีที่สุด แต่ดูจากสีหน้าแล้ว เดาว่าตอนที่ลูกชายกำลังแข่งคงลุ้น ตะโกนเสียงดังจนหน้าแดง ^^
- ช่วงที่รอจัดเวทีรอบ 2 คนสุดท้าย ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่ผมกับแมคคุยกัน คือนั่งเดาว่าคำถามรอบนี้จะถามอะไร แล้วเราก็ช่วยกันติวว่าคำตอบคืออะไร ใครมีความรู้อะไรเอาออกมาแชร์กันหมดไม่มีกั๊ก รวมถึงเพื่อนๆ อีก 3 คนด้วย
- นาทีนั้นผมเข้าใจเลยว่าทำไมเวลาเราดูรายการแฟนพันธุ์แท้ คนที่เข้าแข่งถึงได้ดูรักกันดีจัง
- รอบ 2 คนสุดท้าย ถ้าดูจากทีวีจะเห็นว่าเราตอบกันแค่คนละข้อ แต่แท้จริงแล้วเราเล่นกันไปคนละ 2 ข้อ เพียงแต่ข้อแรกของทั้ง 2 คนตอบผิด รายการเลยตัดออกไป
- แมคได้คำถามว่า “วันสตีฟ จ็อบส์ที่รัฐ California ประกาศคือวันที่เท่าไหร่ของทุกปี” เฉลยคือวันที่ 16 ต.ค. ซึ่งทั้งผมและแมคก็ไม่รู้คำตอบทั้งคู่
- ผมได้คำถามว่า “โลโก้แอปเปิลสมัยก่อน มีทั้งหมดกี่สี สีอะไรบ้าง ให้ไล่จากบนลงล่าง” ซึ่งเป็นข้อที่ผมใช้วิธีหลับตาแล้วนึกเอาว่ามีกี่สี ผมใช้เวลาไล่อยู่ 10 นาที ได้สีเขียว, เหลือง, ส้ม, แดง, ม่วง และน้ำเงิน
- นาทีที่ตอบนั้น ถ้าข้อนี้ตอบถูกผมจะได้เป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ซึ่งตอนนั้นรู้สึกตัวสั่น และคิดว่าที่ตอบไปน่าจะถูกต้อง … แต่แล้วก็ผิด ผิดไปแค่สีเดียวคือสีสุดท้ายไม่ใช่สีน้ำเงิน แต่เป็นสีฟ้า
- หลังจากนั้นเรามาแข่งกันใหม่อีกรอบ ซึ่งแมคตอบถูก และผมตอบผิดอย่างที่เห็นในรายการ เราสองคนก็แสดงสปิริตอย่างที่คนอื่นๆ ทำให้รอบก่อนหน้า คือไปยินดีกับผู้เข้ารอบ
- ช่วงที่แมคตอบคำถามสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ พวกเราทุกคนทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าการลุ้นให้แมคตอบได้ และนาทีที่คำเฉลยออกมาว่า “ถูกต้องนะครับ !!” เราทั้ง 4 คนวิ่งไปกอดแสดงความยินดีกับแมค โดยที่ไม่ต้องบอกกันเลย น่าประทับใจจริงๆ
1 ปีผ่านไป ชีวิตเปลี่ยน
และนั่นก็คือประสบการณ์ดีๆ ที่ได้เข้าไปแข่งในรายการแฟนพันธุ์แท้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็น่าจดจำเหลือเกิน ทุกวันนี้พวกเรา 5 คนที่เข้าแข่งก็ยังพบปะพูดคุยกันเป็นประจำ และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ย้อนคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ในรายการ
หลังจากได้ออกทีวีไป ชื่อของแฟนพันธุ์แท้ก็ติดตัวมาด้วย (คนเข้าแข่งทุกคนสามารถใช้ชื่อแฟนพันธุ์แท้ได้ ส่วนผู้ชนะจะเรียกสุดยอดแฟนพันธุ์แท้) ซึ่งก็มีหลายรายการเชิญไปสัมภาษณ์ ได้มีตัวตนในโลก Social Network ได้ออกทีวี ได้มีบทความในนิตยสาร มีเว็บเป็นของตัวเอง
คนภายนอกอาจจะมองว่าก็แค่รายการเล็กๆ ออกอากาศ 1 ชั่วโมงบนทีวี
แต่สำหรับสิ่งที่ผมได้รับมา ผมว่ามันเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากจริง และไม่เคยลังเลที่จะแนะนำให้หลายคนไปเข้าแข่งรายการนี้เลยครับ อย่างน้อยก็ได้ทำ ได้ศึกษา ได้แสดงให้เห็นว่าเรารักในสิ่งนั้นจริงๆ ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก เชื่อว่าสิ่งนั้นจะต้องออกมาดีเยี่ยมแน่นอน
ใช่ไหมครับ .. สตีฟ จ็อบส์ 🙂