ประสบการณ์บำบัดโรคติด Social Network คนเดียวที่เกาะเสม็ด 5 วัน

ผมเป็นโรคติด Social Network” เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัวและก็ไม่ค่อยได้เล่าอะไรให้ใครฟังนัก อาจจะเพราะว่ามันก็ไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญอะไร และไม่คิดว่าจะสร้างประโยชน์อะไรได้มาก

แต่หลังจากที่เวลาผ่านไปกว่าปี ผมก็พบว่าช่วงเวลา 5 วันที่เกาะเสม็ด เป็น 5 วันที่เปลี่ยนชีวิตตัวเองเหมือนกันนะ เลยคิดว่าประสบการณ์นี้ก็น่าสนใจไม่มากก็น้อย

โรคติด Social Network

ผมเป็นคนธรรมดาครับ โตมาจากการเป็นเด็กต่างจังหวัด เข้ามาเรียนมหาลัยที่กรุงเทพ จบมาก็ทำงานประจำ 10 กว่าปี ชีวิตเหมือนจะเรียบง่าย ไม่มีอะไร

แต่ด้วยความเป็นคนไอที แล้วก็ชอบเขียน ชอบแชร์ ก็เริ่มทำให้มีบล็อกเป็นของตัวเอง มีเว็บ มี Social Network เริ่มมีคนรู้จัก เริ่มมีคนติดตาม แรกๆ ก็รู้สึกดี แต่พอมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มส่งผลกระทบกลับมากับตัวเองหลายอย่าง

  • Social Network ที่ผมใช้ประจำ ดันเป็น Twitter, Facebook, Instagram, Google+ คือใช้มันทุกตัว 
  • รวมถึงยังมี Khajochi.com และเว็บ MacThai ที่ตัวเองดูแลอยู่
  • ทุกเช้าผมจะเช็คข่าวจาก 10 เว็บขึ้นไป เช็คอัพเดทใน Social Network ทั้ง 4 ตัว ซึ่งทั้งหมดมีการอัพเดทนาทีต่อนาที
  • Twitter คือสื่อที่ผมใช้บ่อยที่สุด และมันก็ดันเป็นสื่อที่มีอะไรให้เล่นเยอะมาก ทุกชั่วโมงจะมีอะไรใหม่ให้อ่าน ให้เทรนด์ ให้สนุกเสมอๆ
  • ผมเริ่มติดมือถือมากขึ้นเรื่อยๆ มีสมาธิกับมันมาก ในหัวเริ่มคิดแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในทุก Social Network ที่วิ่งรอบตัวเรา
  • เวลาว่างของผมเริ่มลดลง ไม่ออกกำลังกาย ไม่อ่านหนังสือที่ซื้อมากองไว้เพียบ นอนไม่หลับ นอนดึกมาก
  • ช่วงกินข้าว ไม่ว่าจะกินคนเดียวหรือกับภรรยา ผมเริ่มไม่คุย มัวแต่สนใจสิ่งอื่น แม้จะโดนว่าบ่อยๆ แต่มันเริ่มกลายความเคยชิน
  • การติด Social Network ทำให้เครียดและอินกับข่าวจำนวนมหาศาลที่เสพเข้ามา 
  • การไม่ได้เช็คอะไรทุก 15 นาทีกลายเป็นความหงุดหงิด ที่เริ่มทนไม่ได้
  • หนักสุดคือผมเคยอ้วกออกโดยไม่รู้สาเหตุ ไม่ได้ป่วย ร่างกายปกติ แต่เหมือนเราเสพอะไรจนเกินร่างกายรับไหว นอนดึก จิตใจคิดอยู่แต่อีกโลกนึง จนไม่อยากนอน
  • ความหงุดหงิดที่ไม่ได้เปิดหน้าจอเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆๆ เรื่อยๆๆๆๆ จนมีอาการซึมเศร้า จนเห็นได้ชัด

บำบัดตัวเองบนเกาะเสม็ด 5 วัน

ไม่ต้องมีใครบอก ผมก็เริ่มรู้ว่าตัวเองเป็นโรคติด Social Network เข้าจริงๆ แล้ว ก่อนที่อะไรมันจะแย่ไปกว่านั้น เราควรต้องหาทางจัดการอะไรกับมันสักอย่างหนึ่ง
ผมเลือกวิธีหักดิบ ด้วยการเดินทางไปอยู่บนเกาะเสม็ด “คนเดียว” และปิดเน็ต ปิดมือถือ ปิดโน้ตบุ้ค ปิด Social Network ปิดทุกการสื่อสาร 5 วัน

อีกเหตุผลหนึ่งคือผมอยากไปค้นหาตัวเองแบบสงบๆ ซักพักนึง ซึ่งอยากจะทำมานานแล้ว การได้ไปในที่ห่างไกลจากการงาน และงดการสื่อสาร ก็น่าจะช่วยให้ค้นหาตัวเองได้มากขึ้น

แน่นอนว่าคนที่ผมต้องแคร์มากที่สุดคือเชอรี่  ภรรยา ซึ่งหลังจากแต่งงานกันมาเราไม่เคยห่างกันเกิน 1 วันเลย แต่การจะต้องให้เขาอยู่คนเดียวและไม่มีการติดต่อจากผมเลยตลอด 5 วัน ก็ดูจะโหดร้ายพอสมควร ต้องขอบคุณด้วยที่เขาเข้าใจ
  • ผมเลือกเกาะเสม็ดเพราะต้องการความรู้สึกแบบ “ถูกปล่อยเกาะ” แต่ก็ยังใช้ชีวิตได้ไม่ลำบาก มีข้าวกิน มีน้ำ มีไฟ มีความสะดวกอยู่ในระดับที่โอเค
  • เชอรี่ขอให้ผมพกมือถือไปด้วย แม้จะรู้ว่าต้องการจะตัดมันช่วงหนึ่ง แต่อย่างน้อยถ้าสามีเซ่อซ่าตกทะเล ถูกหามเข้ารพ. เธอก็ยังพอทราบข่าวได้บ้าง 555
  • ผมเปิดแอพ Find My Friend ของ iOS ไว้ ให้ทั้งสองคนรู้ว่าตอนนี้อยู่ไหน เพราะผมเองก็ห่วงคนที่บ้านไม่แพ้กัน (ไม่มีอะไร กันเมียไปช็อปเพลิน T__T)
  • เดินทางนั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์ไปลงท่าเรือ พร้อมขึ้นเรือข้ามฟากไปเสม็ด
  • ขึ้นเรือแป๊บเดียวก็ถึงเสม็ดแล้ว เดินทางง่ายมาก (เอ๊ะ นี่ไม่ใช่บล็อกพาเที่ยว ลืมไป)
  • ผมพักที่อ่าววงเดือนรีสอร์ท ห้องสะอาด อยู่ท้ายหาด ไม่มีใครรบกวน บรรยากาศสงบมาก
  • บอกตามตรงว่าทันทีที่ออกจากห้องพัก โดยที่ปิดเครื่องไอโฟนไว้ แล้วออกมาวิ่งเล่นริมชายหาดหลายชั่วโมง มันเป็นเหมือนการปลดปล่อยตัวเองจากอีกโลกนึงเลยนะ
  • ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าการปิดช่องทางสื่อสารทุกอย่าง แล้วอยู่กับตัวเองคนเดียว มันเหมือนยกโลกทั้งใบที่เราถืออยู่ออกไปหมดสิ้น รู้สึกโล่งมากอย่างบอกไม่ถูก
  • การไม่ได้ใช้ Social Network ไม่ทำให้ใครเสียชีวิตครับ อันนี้รับรองได้ 5555
  • เพื่อไม่ให้การอยู่คนเดียวมันน่าเบื่อเกินไปนัก ผมเลยเลือกหนังสือหลากแนวที่น่าจะอ่านแล้วเปลี่ยนความคิดเราได้บ้างไปด้วย
  • หลังจากสองวันแรกผ่านไป ผมเริ่มรู้จักการบังคับตัวเองมากขึ้น เริ่มทดลองใช้มือถือแค่วันละ 10 นาที มีโทรไปบอกภรรยาบ้างว่าสามีท่านยังมีชีวิตอยู่นะจ๊ะ
  • การรู้จักควบคุมความคิดของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ นะ
  • ช่วงหลังไอโฟนเลยมีไว้ถ่ายรูปกะแอบเช็คว่าเมียไปช็อบไหนเพลินรึเปล่า
  • หลังจากใช้มือถือแค่วันละ 10 นาที ก็เริ่มลองใช้ในระดับที่พอดีกับตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น เช้าไม่เกิน 10 นาที เย็นไม่เกิน 10 นาที เลิกหยิบมาดูบ่อยๆ ใช้ให้เป็นเวลา
  • ช่วงบ่ายก็ยังนอนอ่านหนังสือใต้ต้นไม้ได้ ไม่ร้อนมาก ลมพัดตลอด
  • ค้นพบท่านอ่านหนังสือ โดยการยกเก้าอี้ไปวางแบบจุ่มลงน้ำทะเล ได้อารมณ์ฟินกว่าปกติ อ่านไปมีคลื่นซัดผ่านเท้าเราไป ก็ได้สมาธิดีนะ
  • อาหารเช้ากินคนเดียว ไม่ค่อยเหงา กินเพลินๆ
  • แต่พอต้องกินข้าวคนเดียวทุกมื้อ เช้า กลางวัน เย็น .. เช้า กลางวัน เย็น .. ก็มีเหงาบ้างนะ
  • ช่วงค่ำเป็นเวลาที่เหมาะกับการอยู่กับตัวเองมากที่สุดเลย เพราะอ่านหนังสือไม่ได้ ก็นอนริมทะเลตั้งแต่พระอาทิตย์ตก จนถึง 3-4 ทุ่ม 
  • พอไม่มีอะไรทำก็นอนเร็ว เหมือนสุขภาพดีขึ้นด้วยนะ
  • 24 ชั่วโมงอยู่กับตัวเองก็ยังโอเค แต่พอนานเข้า เป็น 48 ชั่วโมง … 72 ชั่วโมง มันก็เริ่มเบื่อ
  • ผมมองหาเพื่อนที่ไม่มีชีวิต แบบในหนัง Cast Away อ่ะ แต่พอดีหาลูกวอลเล่ย์บอลไม่เจอ
  • จนในที่สุดเมื่อวันที่ 3 ผมได้เพื่อนใหม่ เป็นหมาตัวหนึ่ง ที่ชอบมาเล่นด้วย
  • ไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร เลยตั้งชื่อให้มันว่า “เชอรี่เชอรี่” #ฮา
  • เชอรี่เชอรี่เป็นหมาที่น่ารักมาก เวลาผมนั่งอ่านหนังสือริมทะเล ผมอ่านหนังสือมันก็นอน ผมเดินเล่น มันก็เดินช้าๆ ตาม
  • เชอรี่เชอรี่ชอบให้เกาพุง ตอนเช้าจะเดินมาให้เกาพุง ตอนบ่ายเชอรี่เชอรี่จะชอบมานอนเงียบๆ 
  • การอยู่คนเดียวแล้วมีเพื่อนตัวน้อยอยู่เคียงข้าง มันก็อุ่นใจดีนะ ไม่เหงาเท่าไหร่
  • เจอคนบนเกาะคู่นึง นั่งเล่นมือถือกันริมทะเลเป็นชั่วโมงๆ ไม่คุยอะไรกันเลย เหมือนเห็นภาพตัวเองก่อนหน้านี้ชอบกล
  • ช่วงวันที่ 4 ของการบำบัดตัวเอง ผมแอบโทรหาเชอรี่ (ตัวจริง) ตอนกลางคืน ไม่ใช่โทรธรรมดานะ Facetime ไปเลยทีเดียว
  • เจอหน้ากันก็ดีใจมากๆ พอถามไปว่าคิดถึงไหม ? เชอรี่ตอบกลับมาด้วยเสียงเศร้าๆ ว่า ..
  • “คิดถึงมากเลยรู้ไหม”
  • ประโยคนั้นทำเอาน้ำตาตกเลยทีเดียว แต่ก็ตอบกลับไปว่า พรุ่งนี้ก็กลับแล้วน๊าาาาา

สิ่งที่ได้จากการอยู่กับตัวเอง 5 วัน

ผมรู้ว่าด้วยงานและความชอบส่วนตัว ผมไม่มีทางจะเลิกใช้ Social Network ไปได้ และเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดตัวเองขนาดนั้น
เพียงแต่สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการปิดตัวเองตลอด 5 วัน คือ “การรู้จักปล่อยวาง
สาเหตุที่เราไม่ยอมเลิกเช็ค Twitter, Facebook เพราะเรากลัวตกเทรนด์
สาเหตุที่เราไม่ยอมเลิกเช็ค Like, Comment, Retweet ที่เราโพสต์ เพราะเรากลัวไม่รู้เรตติ้งตัวเอง
สาเหตุที่เราไม่ยอมเลิกเช็คบล็อกและเว็บของตัวเอง เพราะเรากลัวมันมีปัญหา
สุดท้ายทุกอย่างมันก็เป็นแค่อนิจจัง ไม่รู้ก็ไม่เป็นอะไรซะหน่อย ไม่มีก็ไม่ตาย ปล่อยๆ มันซะบ้าง ไม่รู้อะไรซักนิดก็ไม่เห็นว่าชีวิตจะลำบากอะไรเลย รู้จักเปิดใช้ให้เป็นเวลาระดับพอดีๆ
และที่สำคัญคือ เรายังมีคนที่เราควรให้ความสำคัญมากกว่ารอเราอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแฟน คนในครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่เรารักและเขาก็รักเรามากๆ เราให้เวลา ให้ความสำคัญกับพวกเขา มากกว่าหน้าจอแล้วรึยัง
ถ้าใครอยากลองค้นหาตัวเองบ้าง และไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนดี … ผมก็ขอแนะนำเลยครับ “เกาะเสม็ด 5 วัน” รับรอง … เสร็จทุกราย 

 

Update : จากบล็อกตอนที่เขียนนี้ ทำให้ได้ไปนั่งพูดคุยในรายการกาละแมร์ ชมคลิปด้านล่างครับ 😀