สรุปตัวเองในปี 2016 : ออกจากการทำฟรีแลนซ์, เปิดบริษัทของตัวเอง, เลี้ยงลูกอย่างมีความสุข

บล็อกสุดท้ายก่อนข้ามปี 2016 ไป ก็ขอบันทึกเรื่องราวของตัวเองเก็บเอาไว้ตามทื่เคยได้ทำมาตลอดทุกปี พอเวลาผ่านไปกลับมาอ่านก็รู้สึกดีเหมือนกันนะว่าในปีนี้เราได้ทำอะไรไปบ้าง ชอบไม่ชอบอะไร

ปีนี้เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตอีกครั้งที่ต้องถือว่าเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ โดยเฉพาะการลาออกจากการเป็นฟรีแลนซ์ กลับมาทำงานประจำอีกครั้ง แต่ไม่ใช่งานประจำธรรมดา เพราะเป็นการเปิดบริษัทของตัวเองซะด้วย

การงาน

  • ช่วงต้นปีเน้นการทำงานฟรีแลนซ์เช่นเคย ทั้งงานบล็อกเกอร์, งานบรรยาย, เว็บ, เพจ, ที่ปรึกษา, Consult
  • งานใหญ่สุดที่ตั้งใจอยากจะจัดมาหลายปี ในที่สุดก็ได้ทำคืองาน iDeveloper Conference 2016 ที่รวบรวมกลุ่มนักพัฒนาแอพสาย iOS ครั้งใหญ่ในไทย 
  • ปีนี้งานติดขัดตามแบบฉบับการจัดครั้งแรก แต่ก็ดีใจที่สปอนเซอร์สนับสนุนเต็มทุกแพ็คเกจ และคนสมัครเต็มภายในไม่กี่ชั่วโมง
  • เรื่องเงิน ปีนี้เป็นปีที่มีรายได้เยอะสุดตั้งแต่เคยทำมา คือจริงๆ รายได้เราก็ควรเพิ่มทุกปี แต่ปีนี้บวกเยอะกว่าปีก่อนๆ มาก ปัญหาคือการจัดการด้านภาษีทำให้ปวดหัวขึ้น รวมถึงต้องเริ่มแบ่งเงินไปลงทุนบ้าง
  • จัดงาน Event ถ่ายทอดสด 4 รอบคือ มี.ค. (Apple Watch 2), มิ.ย. (WWDC), ก.ย. (iPhone 7), ต.ค. (MacBook Pro) แต่ลดงานที่จัดคนมาดูด้วยกัน มาเป็นพากย์ไทยสดแทน
  • ได้มีโอกาสไปประเทศอังกฤษกับทางสิงห์ เป็นประเทศที่รู้สึกผูกพันธ์มากเป็นพิเศษ เคยไปทำงานที่นี่ช่วงนึง ชอบมาก เป็นความทรงจำดีๆ
  • ต้นปีจัดค่าย Young Webmaster Camp ครั้งที่ 13 ก่อนงานมีปัญหาล้านแปด แต่พอถึงเวลาก็เป็นค่ายที่ดีมากครั้งหนึ่ง ทั้งด้านการสนับสนุนจากสปอนเซอร์, คนสมัคร, จำนวนพี่ที่มาค่าย สุดท้ายดีใจที่ได้วางมือทำค่ายปีสุดท้าย และส่งต่อทีมงานรุ่นต่อไป
เปิดบริษัทของตัวเอง
  • ช่วงกลางปี ตัดสินใจครั้งใหญ่ในการเลิกทำงานฟรีแลนซ์ที่ตัวเองรักมาก ลาจากงานอิสระ ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับลูก 24 ชั่วโมง มาเปิดบริษัทของตัวเอง (ซึ่งน่าจะได้เปิดตัวให้ได้รู้จักกันเร็วๆ นี้)
  • เหตุผลหลักๆ คือการมองเห็นโอกาส และความอยากลองทำอะไรที่คิดว่าเราทำได้ดีกว่าการอยู่แค่เป็นฟรีแลนซ์ไปเรื่อยๆ เป็นเรื่องที่ใช้เวลาคิดนานกว่าปี ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ในการตัดสินใจครั้งนี้
  • โชคดีที่ได้หุ้นส่วนที่โคตรเข้าใจ รวมถึงมีความพร้อมทุกด้านให้เรารันบริษัทได้อย่างหายห่วง
  • เริ่มโปรเจ็คได้ช้ากว่าที่คิดเดือนกว่า ด้วยเหตุผลคือเป็นคนเลือกทีมงานเข้ามาสักคนยากมาก คุยแล้วคุยอีก คิดแล้วคิดอีก กว่าจะได้ทีมงานครบก็เกือบวันสิ้นปีแล้ว
  • 3 เดือนแรกของการเปิดบริษัท เป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมาเลย การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์จากคนขี้เกียจๆ กลับมาทำงานประจำ พร้อมความรับผิดชอบหนักอึ้ง เกินกว่าที่คาดไว้จริงๆ 
  • โชคดีที่ไม่เคยมีปัญหากับที่บ้านเลย รวมถึงไม่เคยมีปัญหากับที่ออฟฟิศด้วย ทุกคนดี๊ดี ขอบคุณนะ
  • ผ่านไปสามเดือนยังไม่คิดว่าตัวเองสอบผ่าน แต่ก็คิดว่าทำได้ดีกว่าที่คิดเหมือนกัน ปีหน้าน่าจะได้เห็นอะไรที่ชัดเจนมากขึ้น ถ้าไปได้ดีจะขอเก็บเป็นผลงานที่ดีที่สุดในชีวิตเลย



ครอบครัว

  • น้องวชิเริ่มโตขึ้นทุกวัน ดีใจที่ได้เห็นการเติบโตของวชิอย่างใกล้ชิด (มาก) มาตั้งแต่เกิด
  • ขอบคุณที่เลืกทำงานที่มีอิสระ จนได้มีเวลาให้กับครอบครัวเยอะจริงๆ
  • ได้เห็นครั้งแรกที่น้องวชิว่ายน้ำ, กินข้าว, คลาน, ขึ้นเครื่องบิน, ร้องเพลง, เต้น ฯลฯ เป็นภาพที่จำได้ติดตาที่สุดเลย
  • โดยเฉพาะครั้งแรกที่น้องวชิเดินด้วยตัวเองได้ โอ้โห ไม่รู้ทำไมดีใจกว่าที่ตัวเองทำงานสำเร็จซะอีก ยิ้มทั้งวัน ดีใจที่เห็นลูกเดินได้ซะที 5555
  • ได้พาครอบครัวไปเที่ยวสิงคโปร์ เป็นการออกต่างประเทศครั้งแรกของวชิ สนุกสนานดีงาม
  • ก็เลยได้ใจ พาไปเที่ยวต่อที่ญี่ปุ่นทั้งบ้าน โอ้โห เป็นการเที่ยวที่เหนื่อยมาก แต่ก็สนุกมากกก ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ไปแล้วก็อยากไปอีกเรื่อยๆ นี่ปีหน้าก็จองตั๋วล่วงหน้าไปแล้วนะเนี่ย
  • เชอรี่เป็นภรรยาที่เข้าใจเราที่สุดในโลก ขอบคุณนะครับที่ดูแลเป็นอย่างดี ทั้งปีแทบไม่เคยทะเลาะกันเลย ช่วยกันเลี้ยงลูกอย่างสนุกสนานทุกวัน
  • แม้จะยุ่งเรื่องงาน แต่ก็พยายามหาเวลาหวานๆ กับเชอรี่ให้มากขึ้น
  • มีข่าวดีที่พี่สาวได้ลูกชายแล้ว ถือว่าครบทีม พี่น้องมีลูกกันหมดแล้ว 

สุขภาพ

  • ยังคงป่วยตลอดทั้งปี ซึ่งปีนี้ดูจะหนักสุด โดยเฉพาะโรคเจ็บคอที่เป็นเรื้อรังไม่หายซะที ไปหาหมอหลายรอบมาก สรุปสาเหตุก็หนีไม่พ้นการนอนดึก,​ เครียด และพักผ่อนน้อย ตามประสาคนบ้างาน
  • ออกกำลังกายบ้าง แต่ก็น้อยอยู่ดี ยังดีที่ได้เลี้ยงลูกทุกวัน ถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง
  • ช่วงปลายปี ถือเป็นโชคร้ายขั้นสุด เมื่อเป็นโรคงูสวัด ปีนี้คนรอบตัวก็เป็นกันเยอะ แต่เราดันเป็นที่หน้า ทำให้มีแผลเป็นที่แก้ม
  • จนต้องไปยิงเลเซอร์หลายรอบ จนตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้น เลยคิดว่าธรรมชาติคงบอกเราอย่างตรงไปตรงมาแล้วล่ะว่า “พักผ่อนและดูแลตัวเองมากขึ้นได้แล้วนะ”
  • ปีหน้าคงเป็นปีแห่งการดูแลสุขภาพตัวเอง ก่อนที่เครื่องยนต์จะพังไปมากกว่านี้
  • ทดลองตัดผมสกินแฮด เปลี่ยนลุคตัวเอง และก็พบว่า … ไม่เวิร์ค (ฮา)

ผลงาน

  • ปีนี้ผลงานในส่วนตัวไม่ชัดมากเท่าปีก่อนๆ คงเพราะเริ่มอิ่มตัวจากการทำ Content ด้วยตัวเอง มาเป็นการปั้นน้องๆ ขึ้นมา ในขณะที่ตัวเองเริ่มเฟดตัวไปทำเบื้องหลังมากขึ้น
  • ความยากของการปั้นน้องๆ ทีมงานขึ้นมาคือการเข้าใจในความแตกต่างของแต่ละคน ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำเหมือนเราได้ จะคิดเหมือนเราได้หมด
  • ความยากอีกเรื่องคือการห้ามใจตัวเองไม่ให้มาทำเองทั้งหมด คือผมเริ่มเข้าใจพวกศิลปินที่เวลาทำอะไรก็จะอยากทำเองทุกเรื่อง เพราะมันได้อย่างที่เราอยากได้ทั้งหมดนั่นเอง
  • เรื่องน่าแปลกคือพอมาอยู่เบื้องหลังมากขึ้น ปียี้กลับมีผลงาน Content ที่ยอดสูงสุดตั้งแต่เคยทำมา
  • มีโพสต์ที่ยอดเกินล้าน Reach ทุกเดือน บางเดือนมีหลายตัว
  • สถิติ Follower Twitter ~340,000 : Facebook ~26,000 : Instagram 5,300 
  • ที่เติบโตชัดเจนอีกอันคือ Fanpage ของ MacThai จากยอด 130,000 ขึ้นมาเป็น ~340,000  และยังคงมี Engagement เยอะอย่างที่หวังไว้ เพิ่มปีละเท่าตัวนี่ก็ปลื้มเลยทีเดียว
  • อีกเพจที่เพิ่งเริ่มทำคือ MangoZero ก็เริ่มจาก 0 ในช่วงสามเดือนตอนนี้อยู่ที่ ~55,000
  • รวมทุก Social ที่ทำเอง ปีหน้าหวังว่าจะขึ้นหลักล้านได้
  • งานเขียนปีนี้ก็ยังคงไม่มีหนังสือออกมาตามที่ตั้งใจไว้ ถ้าปีหน้าไม่ได้คงต้องพิจารณาตัวเองให้หนัก
  • ได้รับเชิญไปพูดตามงานอีเวนต์ หรือตามมหาลัยมากขึ้น น่าจะเป็นผลจากที่ปีที่แล้วติด 1 ใน 100 Top Online Influencer ของ LIPS Magazine แต่ปีหน้าจะพยายามลดงานพูดลง ทำให้มากขึ้น
  • ดราม่าปีนี้แทบไม่มีเลย ดีใจจุง เรื่องปวดหัวน้อยลง ทำงานอย่างสบายใจ
โดยสรุปแล้วปีนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องงาน ทุกอย่างไปได้ดีหมด ยกเว้นเรื่องสุขภาพ ความหวังในปีหน้าคือรักษาตัวเองให้ดีขึ้น ดูแลคนรอบข้างและตัวเองให้มาก
ขอให้ปี 2017 มีแต่เรื่องดีๆ เฮงๆ นะจ๊ะ