บันทึกความทรงจำ : เมื่อเพื่อนชาวต่างชาติถามว่า “ทำไมคนไทยถึงรักในหลวง ?”

เคยมีเพื่อนชาวต่างชาติคนหนึ่งถามผมว่า “ทำไมคนไทยถึงรักในหลวง ?”

ผมหยุดอึ้งและคิดคำตอบอยู่นานมาก แม้ว่าเราจะสามารถพูดได้มากมายในสิ่งที่ท่านทำเพื่อคนไทย แต่เราจะบอกชาวต่างชาติที่มีมุมมองถึงกษัตริย์ในแบบที่เขาเข้าใจอย่างไรดี

ทำไมคนไทยถึงรักในหลวง ?

ย้อนกลับไปเมื่อผมจำความได้ ก็เห็นภาพในหลวงอยู่ที่บ้าน ที่โรงเรียน ที่ธนบัตร ในทีวี อยู่ในทุกหนทุกแห่งอยู่แล้ว

ภาพจำของผมในวัยเด็กคือเราเห็นในหลวงผ่านช่วงข่าวในพระราชสำนัก ภาพของท่านกำลังไปต่างจังหวัด บางทีก็ไปทรงงานในป่า ในหมู่บ้านห่างไกล ทรงแนะนำข้าราชการทำหลายสิ่งหลายอย่าง พอเปิดทีวีมาอีกวัน ก็พบว่าท่านเสด็จไปอีกจังหวัดหนึ่งแล้ว

“งานของกษัตริย์นี่ท่าทางจะหนักน่าดูเลย” เป็นประโยคที่คิดอยู่ในใจของเด็กอายุไม่กี่ขวบ

นั่นเลยทำให้ผมเข้าใจว่า …​ อ๋อ … คนที่เป็นกษัตริย์ทุกคนทั่วโลก ก็จะทำงานหนักแบบนี้เหมือนกันหมดแน่นอนเลย ….

ซึ่งพอโตขึ้นมา ก็ถึงได้เข้าใจว่า ผมเข้าใจผิด

ในที่นี้จะไม่ขอเปรียบเทียบกับกษัตริย์องค์ไหน แต่ผมรู้ได้ทันทีเมื่อทราบความจริงของโลกก็คือว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่าน “ทรงงานหนัก” มากยิ่งกว่ามาก

และในอีกความเข้าใจนึงคือ งานที่ท่านทำ ก็ไม่ใช่ “หน้าที่” ของกษัตริย์ทุกองค์ต้องทำด้วยนะ แต่ท่านเลือกที่จะทรงงานหนักเพื่อคนไทยด้วยตัวของท่านเอง

ความทรงจำครั้งแรกและครั้งเดียว

เป็นบุญของผมที่มีโอกาสได้เห็นพระพักตร์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นครั้งแรก และครั้งเดียว แต่ภาพนั้นยังคงติดตาและจำได้แม่นยำมากจนถึงทุกวันนี้

ตอนนั้นผมยังอยู่ม.ต้น ที่จังหวัดขอนแก่น และที่โรงเรียนมีการประกาศให้หยุดเรียนช่วงบ่าย เพื่อให้นักเรียนสามารถไปรับเสด็จได้

ผมนั่งรถเมล์กับเพื่อนๆ มาที่มหาลัยขอนแก่น เพื่อมาให้กำลังใจครูฝึกสอนท่านหนึ่งกำลังจะรับปริญญา และในหลวงท่านก็เสด็จมาเพื่อพระราชทานปริญญาบัตรนั่นเอง

ช่วงบ่าย อากาศร้อนอบอ้าว เสียงคุยกันดังไปทั่ว แต่อยู่ดีๆ ทุกอย่างก็เงียบกริบ ทุกคนก้มลงกับพื้น ด้วยความตกใจผมมองดูรอบๆ แล้วก็พบว่ามีขบวนรถคันหนึ่งขับเข้ามาจอด

ในความเงียบกริบทั้งที่มีคนหลายพันคนในบริเวณนั้น ผมนั่งอยู่ริมถนนที่เสด็จผ่าน และภาพของในหลวงที่ลงจากรถคันที่อยู่ด้านหน้า แววตาท่านมุ่งมั่นแต่อ่อนโยน ผมได้แต่นั่งตะลึงกับภาพที่ได้เห็น จากนั้นท่านเสด็จผ่านเข้าไปด้านใน

แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาไม่กี่วินาที แต่น้ำตาก็เอ่อล้นออกมาโดยไม่รู้ตัว

ผมยกมือไหว้ขึ้นเหนือหัว จากนั้นก็มองท่านผ่านจอโทรทัศน์ที่ตั้งไว้ด้านนอกพิธี เป็นความทรงจำดีๆ ที่สุดในชีวิตที่อยากเก็บไว้ในใจตลอดไป

ทำดีเพื่อพ่อ ทำดีเพื่อสังคม

วันนี้ (25 ต.ค. 2560) ผมได้มีโอกาสไปดูบรรยากาศรอบสนามหลวง หนึ่งวันก่อนพระราชพิธี ซึ่งถึงแม้จะรู้ว่าต้องเจอกับผู้คนมากมายและสภาพอากาศที่ไม่อำนวย แต่ก็อยากขอไปรับรู้บรรยากาศสักครั้งหนึ่งในชีวิต

ด้วยหน้าที่การงานที่ทำอยู่ในตอนนี้ ผมอยู่ในฐานะสื่อ ซึ่งความตั้งใจคืออยากทำความดีเพื่อสังคม ถวายให้กับพระองค์ท่าน

เมื่อตุลาคมปีที่แล้ว ผมให้ทีมงานช่วยกันทำแผนที่เฉพาะกิจขึ้น เพื่อให้คนที่เดินทางมาท้องสนามหลวง ได้ข้อมูลครบถ้วนว่าจุดต่างๆ รอบสนามหลวงมีอะไรบ้าง ตำรวจ พยาบาล หมอ ห้องน้ำ ท่าเรือ ที่ขึ้นรถกลับต่างจังหวัด จุดแจกน้ำอาหาร ฯลฯ เพื่อให้โหลดได้ในเว็บ

รวมถึงทำแผนที่เป็นเวอร์ชันกระดาษ แล้วไปแจกจริงที่สนามหลวง ซึ่งเราก็ตั้งใจทำดีเพื่อพ่อ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ

มาถึงปีนี้ ผมบอกกับทีมงานทุกคนที่บริษัทว่า ในเดือนตุลาคมนี้ ให้เผยแพร่เนื้อหาที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ทุกวัน ซึ่งดีใจมากที่น้องๆ ทุกคนก็ทำงานเต็มที่ด้วยความรักที่มีต่อพระองค์

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา หลายครั้งที่ผมตกอยู่ในภาวะหดหู่ และไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ เมื่อหลับตาแล้วก็นึกภาพว่า … “ท่านไม่ได้อยู่กับเราอีกแล้ว”

ภาพในหลวงที่เราเคยเห็นเมื่อตอนยังเด็ก
หลายสิ่งหลายอย่างที่เรายึดถือเป็นแบบอย่าง
รวมถึงเมื่อครั้งที่เราทำผิดทำพลาดไป เราก็มีท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้สู้ต่อไปได้

วันนี้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อมองไปรอบตัว พบกับประชาชนมากกว่าแสนคน ที่มาด้วยใจรักยิ่ง เห็นพี่ๆ ตำรวจ พยาบาล จิตอาสา มาช่วยกันในงานครั้งสำคัญนี้

เราก็ได้แต่เงยหน้าขึ้น แล้วบอกตัวเองว่า

“ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด …​ แบบที่ท่านทำเป็นตัวอย่างให้เราเห็นมาโดยตลอด”

ย้อนกลับไปในวันที่เพื่อนชาวต่างชาติถามผมว่า “ทำไมคนไทยถึงรักในหลวง ?”

คำตอบของผมคือ

“Because he is the best King in the World”

กราบแทบฝ่าพระบาท ขอร่วมน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคคาลัย
นายขจร เจียรนัยพานิชย์
26 ต.ค. 2560