หลากหลายความเห็นกับ Kindle Fire (Thought on Kindle Fire)

ในบรรดาบริษัทไอทีบนซิลิคอนวัลเลย์ Amazon เป็นบริษัทที่น่าชื่นชมที่สุดบริษัทหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเสนอขายหนังสือออนไลน์เจ้าแรกๆ ผันตัวเองมาขายสินค้าหลากชนิด เคยเกือบเจ๊ง แต่ก็กลับมาได้ แถมยังผันตัวเองไปทำธุรกิจสุดล้ำอย่าง Cloud Computing, ขายหนังออนไลน์, ขาย eBook และกล้าเสี่ยงขายฮาร์ดแวร์ชิ้นแรกของบริษัทอย่าง Kindle ก็ประสบความสำเร็จอย่างดี

ทั้งหมดนี้ก็ต้องให้เครดิต Jeff Bezos ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัท น่าเสียดายที่หลายคนไม่ค่อยรู้จักคนนี้ ขอแนะนำให้ลองอ่าน “One Click: Jeff Bezos and the Rise of Amazon.com

ทุกคนรู้ว่า Amazon กำลังทำแท็บเล็ตอยู่ แต่ก็ได้แต่รอว่ามันจะมีอะไรข้างในบ้าง และวันนี้มันก็ออกมาแล้ว

  • Kindle Fire แท็บเล็ตจอ 7 นิ้ว หนักแค่ 0.4 กิโล
  • ข้างในเป็น Android ที่ทำใหม่จนจำแทบไม่ได้
  • เนื้อที่ 8 GB, มีพอร์ทเดียวคือ Micro USB 2.0, แบตอยู่ได้ 8 ชั่วโมง
  • ฟรี Amazon Prime 1 เดือน สำหรับดูหนังกับรายการทีวีฟรี (สมัครปีละ $79)
  • เก็บข้อมูลบน Cloud ไม่ต้องกลัวพื้นที่เต็ม ลบออกเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ
  • Browser ตัวใหม่ ใช้ Cloud ในการส่งข้อมูล เร็วกว่าเดิม 3 เท่า
  • ไม่มี 3G, ไม่มีกล้อง, ไม่มีไมค์
  • ราคาแค่ $199 (6,000 บาท !!)
ที่เหลือไปอ่านจากเว็บทั่วไปเองละกัน ที่น่าสนใจกว่าคือความเห็นของนักข่าว, บล็อกเกอร์ทั้งหลาย ว่ารู้สึกอย่างไรกับ Kindle Fire ตัวนี้
  • คุณสามารถซื้อ Kindle Fire 2 เครื่อง กับ Kindle ตัวธรรมดาได้อีกเครื่องนึง แทนที่จะซื้อ iPad [ This Is My Next ]
  • จากที่ทดสอบดู Silk Browser ทำงานได้เร็วจริง, UI ตอบรับช้าไปหน่อย, การเล่นโปรแกรมแต่ละตัวทำได้เร็วมาก [ This Is My Next ]
  • ตัวเครื่องแทบจะบอกได้เลยว่าเหมือนกับ BlabkBerry Playbook ต่างกันที่ไม่มีปุ่มอะไรเลยนอกจากเปิดปิด ซึ่งก็ไม่ได้แย่อะไร ซอฟท์แวร์ทำงานได้ดีเหมือนที่คุยไว้ เนื้อที่เครื่อง 8GB ดูจะน้อยไปหน่อย แต่ก็ยังดีที่ฝากไว้บน Cloud ได้ [ Engadget ]
  • Amazon ทำในสิ่งที่กูเกิลควรจะทำมาตั้งนานแล้ว ถึงจะใช้ Android แต่มันไม่ใช่ Honeycomb, ไม่ใช้ Browser ของกูเกิล, ไม่ใช้ App Store ของกูเกิล แต่ทุกอย่างกลับดูดีกว่าสิ่งที่กูเกิลทำ [ Chris Espinosa ]
  •  Jeff Bezos พูดถูกในสารที่ส่งถึงลูกค้าทุกคนในหน้าแรกของ Amazon.com [ Daring Fireball ]
      • There are two types of companies: those that work hard to charge customers more, and those that work hard to charge customers less. Both approaches can work. We are firmly in the second camp.
    • แนวทางของแอปเปิลคือขายสินค้าในราคาเดิมทุกปี และเพิ่มความสามารถใหม่ๆ ลงไป แอปเปิลพยายามหากำไรจากลูกค้าเท่าเดิมหรือมากขึ้นทุกปี
    • Amazon ทำในสิ่งตรงข้าม พวกเขาพยายามขายสิ่งที่ถูกลงเรื่อยๆ ปีที่แล้วพวกเขาขาย Kindle เวอร์ชันที่มีโฆษณา เพื่อให้ Kindle ราคาถูกลง $30-$50 เน้นให้คนใช้อุปกรณ์เยอะๆ แล้วไปหากำไรจากเนื้อหา (eBook, โฆษณา) แทน
  • ต่างจากผู้ผลิตแท็บเล็ตรายอื่นอย่าง RIM, Samsung, HP เพราะ Amazon มีระบบ Echosystem ของตัวเอง ทั้ง eBook, หนัง, เพลง หรือแม้แต่ App Store ของตัวเอง ทำให้  Kindle Fire เสนอสิ่งที่ต่างออกไป และเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดกับ iPad [ WSJ]
  • การที่ตั้งราคามาถูกมากขนาดนี้ คาดว่า Amazon จะขาดทุนกับ Kindle Fire เครื่องละ $50 ในขณะที่แอปเปิลกำไรจาก iPad เครื่องละ 30% [ Apple Insider ]
  • Kindle Fire จะประบสบความสำเร็จของ Amazon แต่มันยังไม่ใช่ตัวที่จะมาฆ่า iPad ไำด้เลย คนอาจจะใช้ Kindle Fire อ่านหนังสือ ดูหนัง เล่นเว็บ ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรเด่นไปกว่า iPad และคงทำได้แค่ในตลาด low-end เพราะราคาถูกเท่านั้น [ The Loop ]
จดหมายจาก Jeff Bezos ถึงลูกค้า จ่าหัวได้แร๊งงงง ส์

หน้าเว็บขาย Kindle Fire .. ดูกันชัดๆ $199

Related Link :