รีวิว: เคาท์ดาวน์ (Countdown) – เมื่อคนบาปมานับถอยหลัง

สารภาพตามตรงว่าครั้งแรกที่ได้ดูตัวอย่างหนัง “เคาท์ดาวน์ (Countdown)” ของ GTH ที่เห็นพีช, พีค, เต้ย สามนักแสดงวัยรุ่นเสพยา, มั่วเซ็กส์, โดนโรคจิตไล่ฆ่า ถึงกับช็อค พร้อมเม้นออกมาดังๆ ว่า

เอา GTH โลกสวยของกรูคืนมาาาาาาาาา~~~~~~

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เริ่มตั้งสติได้ก็คิดว่า เฮ้ย GTH ทำหนังทั้งทีมันต้องมีดีอะไรแน่นอน ก็เริ่มพยายามหาข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลัง จากทุกสื่อที่รู้จัก .. ปรากฏว่าไม่มี คือแทบไม่มีข้อมูลอะไรเลย นอกจากบทหนังคร่าวๆ สุดๆ แม้แต่บทสัมภาษณ์ผู้กำกับยังบอกแค่ให้ไปดูกันในโรง อะไรจะเก็บความลับขนาดนั้นฟะ

ที่สุดแล้วก็ได้ไปสัมผัส และตลอด 2 ชั่วโมงที่นั่งลุ้น นั่งเกร็ง หายใจไม่ทั่วท้องตลอดเรื่อง ก็ต้องบอกว่า

เฮ้ยเจ๋งว่ะ GTH แมร่งปล่อยของอีกแล้ว !!

[Spoil]

….

[ย้ำว่า Spoil ใครจะดูไม่ควรอ่าน]

10. เนื้อเรื่อง

ตัวหนังนั้นเรียบง่ายมาก คือเด็กวัยรุ่นทั้ง 3 คนที่พกบาปกันมาเต็มขั้น กำลังจะฉลองปีใหม่ที่นิวยอร์คด้วยการโทรให้นักค้ายานามว่า “เฮซุส” มาส่งกัญชาให้ที่ห้อง เวลาผ่านไปเฮซุสกับกลายเป็น “โหดสัส” ไล่ฆ่าทุกคนในห้อง

และนั่นคือสิ่งที่ทุกคนรู้ก่อนเข้าโรงไปดู แต่ที่เราไม่รู้คือ …

9. เซอร์ไพรส์

หนังดำเนินไปถึงกลางเรื่อง สิ่งที่เซอร์ไพรส์สุดก็เกิด เมื่อเฮซุสแมร่งพูดไทยได้เว้ยเฮ้ย !! พูดชัดด้วยไม่ได้พากษ์ ความเข้มข้นจึงบังเกิด

สิ่งที่เฮซุสทำคือการบังคับให้ทั้ง 3 คนสารภาพบาป สุดท้ายทุกคนเหมือนจะตายกันหมดเหลือแค่บี (เต้ย) คนเดียว แต่ตื่นเช้ามาทุกคนกลับฟื้น แต่ทั้งหมดไม่ใช่ความฝัน ทุกคนมีบาดแผล และก็กลับใจไปสารภาพและรับบาปสิ่งที่ตัวเองทำ … จบ

8. ศีลและบาปทั้ง 5 ข้อ

หนังพยายามโยงเรื่องของบาป เข้ากับศีล 5 ที่เราทุกคนท่องกันได้มาตั้งแต่เด็ก

  • แจ็ค (พีช) โกหกพ่อแม่
  • แพม (พีค) ขโมยเงินเพื่อนๆ
  • แจ็คและแพม แอบมีอะไรกัน
  • ทุกคนกินเหล้า เสพยา
  • บี (เต้ย) เคยขับรถชนคนตาย และไม่ยอมช่วยแม้แต่เด็กที่มีโอกาสรอด

7. กรรม

เมื่อทำบาปก็ต้องรับกรรมที่ตัวเองก่อ หนังพยายามโยงให้เห็นว่าแต่ละคนก็ได้รับกรรมที่ตัวเองก่อ คนละเล็กคนละน้อย ก่อนที่จะเจอกับเฮซุส

  • แพมแอบไปมีอะไรกับแฟนเพื่อน ทำให้ตัวเองต้องมารับกรรม เมื่อถูกแฟนหนุ่ม(ฝรั่ง) ของตัวเองทิ้ง และไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นเช่นกัน
  • แจ็คโกหกพ่อแม่ไม่เรียนหนังสือ พ่อไม่ส่งเงินมาให้ในตอนต้นเรื่อง จนต้องทำบัตรนศ.ปลอม แต่ก็ยังสะกดคำง่ายๆ ผิด
  • บีเคยปล่อยให้เด็กคนนึงต้องตาย ตัวเองก็เกือบจะตั้งท้อง จนต้องซื้อเครื่องตรวจครรห์มาทดสอบในต้นเรื่อง

6. การพยายามสารภาพบาป

ในหลายฉากของหนัง เราจะได้เห็นการพยายามจะสารภาพบาปของทั้ง 3 คนออกมา

  • หนังเปิดเรื่องมาโดยที่บีกดโทรศัพท์เห็นภาพครอบครัวที่ตัวเองขับรถชนตาย เธอพยายามจะเข้าไปสารภาพบาปในโบสถ์  แต่สุดท้ายบีก็ไม่ได้พูด
  • รุ่นพี่ของแจ็คพยายามบอกให้เลิกเสพยา และขอให้สารภาพกับพ่อเรื่องที่โกหก
  • แพมมีอาการชะงัก เมื่อเพื่อนพูดเรื่องเงินที่ถูกขโมยไป

ในทุกศาสนาสอนให้เราเป็นคนดี แต่ถ้าเราเคยทำความเลวเอาไว้ ก็ควรจะยอมรับผิด หรือที่เรียกอีกอย่างว่าการ “สารภาพบาป” ซึ่งคนที่จะมาช่วยชะล้างบาปให้ทั้ง 3 ก็คือ

5. เฮซุส (Jesus)

ในเมื่อทั้ง 3 คนไม่ยอมสารภาพบาปออกมา ก็ย่อมหมายถึงการไม่ยอมรับความผิด และเฮซุสก็ได้เข้ามา

  • หนังพยายามโยงเฮซุสกับพระเจ้า (Jesus) อย่างเห็นได้ชัด
  • ประโยคแรกที่แจ็คโทรไปตามนามบัตร แจ็คเรียกเขาว่า “Jesus
  • เฮซุสไว้ผมยาว มีหนวด และถือพระคัมภีร์
  • จุดพลิกผันของหนังทั้งหมด เริ่มหลังจากที่เฮซุสถือพระคัมภีร์ออกมา แล้วเปิดข้างในเป็นยาเสพติดให้ทั้ง 3 คนเสพ
  • เฮซุสคือพระเจ้า รู้ทุกเรื่อง รู้เรื่องบาปของทุกคนเหมือนพระเจ้า รู้ว่าแพมขโมยเงิน รู้ว่าแจ็คโกหกพ่อ รู้ว่าแจ็คกับแพมแอบมีอะไรกัน (บรรยายได้เป็นฉากๆ) รู้ว่าบีปล่อยให้เด็กต้องตาย
  • ข้อสังเกตุอย่างหนึ่งคือ เฮซุสฟังภาษาไทยไม่ออก หลายฉากที่เฮซุสทำหน้างงเมื่อทั้ง 3 คนพูดภาษาไทยกัน แต่หลังจากที่ทุกคนได้เสพยาจากในพระคัมภีร์แล้ว เฮซุสก็ฟังภาษาไทยออก พูดภาษาไทยได้ ราวกับเป็นพระเจ้า

4. การลงทัณฑ์

คนเราทำอะไร ต้องรับบาปกรรมที่ตัวเองเคยก่อเอาไว้

  • แจ็คถูกเฮซุสเอาไม้ตีก้น เป็นวิธีลงโทษแบบเดียวกับที่พ่อลงโทษลูก และยังถูกดึงลิ้น (แจ็คโกหกพ่อ)
  • แพมต้องสูญเสียหมาที่ตัวเองรัก (แพมไปแอบมีอะไรกับคนรักของคนอื่น)
  • แพมถูกเฮซุสหักนิ้ว (แพมขโมยเงินเพื่อน)
  • บีถูกเฮซุสปล่อยให้เกือบตายแต่ไม่ตาย (ยิงแต่ไม่ตาย) และต้องไปล้มลงนอนกับพื้นโดยที่ไม่มีใครมาช่วย (บีทิ้งให้เด็กนอนตาย)

3. เคาท์ดาวน์สู่โลกความเป็นจริง

คุณนัฐวุฒิ พูนพิริยะ (บาส) ผู้กำกับให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

“สาเหตุที่เลือกช่วงเวลาปีใหม่ ช่วงเวลานั้นมันเป็นช่วงที่เราอาจจะแฮปปี้กับงานปาร์ตี้ นับถอยหลังปีใหม่ แต่จริงๆ แล้วผมเชื่อว่ามันเป็นเวลาที่ทุกคนจะย้อนกลับไปในอดีต ปีที่ผ่านมาเราทำอะไรไว้บ้าง อะไรที่เราทำไม่ดี และเราก็มองไปถึงอนาคตปีต่อไปจะแก้ไขยังไง

คือผมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกันหมด อดีต ปัจจุบัน อนาคต ซึ่งการกระทำในแต่ละอย่างของเราจะส่งผลถึงกันและกัน”

ฉากที่ดีที่สุดฉากหนึ่งของเรื่องคือตอนที่ทั้ง 3 คนอยู่ในลิฟท์ตัวเดียวกัน สภาพมอมแมม ทั้งหมดยอมรับผิดแล้ว และเฮซุสก็โทรมา ลิฟท์วิ่งลงมาจากชั้น 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 … ประตูเปิดออก พร้อมแสงสว่าง

“ให้ทำตัวดีๆ ไม่งั้นปีหน้าเจอกันใหม่” เฮซุสเตือนเป็นครั้งสุดท้าย

2. นักแสดง

พีช, พีค, เต้ย ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถรับบทหนักๆ ของเรื่องได้แบบเอาอยู่ บทเด่นที่สุดของเรื่องน่าจะเป็นของเต้ย ซึ่งแสดงได้เด็ดขาดจริงๆ เรากลัวตามที่เต้ยกลัวจริงๆ เธอดูสับสนกับชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นจริงๆ

พีคกับพีชก็ยังมีบทดราม่าที่ดี แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าที่ควรจะเป็น พีชยังดูเป็นลูกคุณหนูที่ไม่ได้เลวอะไรมากมาย พีคเองก็ไม่ได้แสดงว่าตัวเองเป็นสาวมั่นได้ขนาดนั้น

แต่ที่ขาดไม่ได้เลยคือ เดวิด อัศวนนท์ ที่แสดงเป็นเฮซุส เป็นพระเอกของเรื่องในด้านการแสดงเลยจริงๆ บทจะเล่นก็ดูเล่น บทจะจริงก็โหดสัส ต้องให้เครดิต GTH ด้วยที่วางแผนเก็บตัวเดวิดจนทุกคนคิดว่าเอาฝรั่งมาเล่น ไม่มีใครรู้ว่าเขาพูดไทยได้

1. เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

  • เคาท์ดาวน์เป็นหนังเรื่องแรกของบาส นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับ
  • หนังใช้เวลาพัฒนาบทนานถึง 1 ปี ก่อนจะถ่ายทำจริงอีกครึ่งปี
  • หนังถ่ายทำจริงในนิวยอร์คแค่ 3 ฉาก ส่วนฉากในห้องถ่ายทำที่เมืองไทย
  • ห้องที่ทั้ง 3 คนอยู่คือชั้น 13 ห้องหมายเลข 1306
  • เบอร์ที่โทรผิดคือเบอร์ 212-526-2013 ซึ่งเบอร์ที่ถูกคือเบอร์ 212-526-2018
  • หมายเลข 212-526-XXXX คือหมายเลขเบอร์โทรศัพท์ในย่านนิวยอร์คจริงๆ
  • “หลงใหล Misbehavers” คือหนังสั้นที่บาส ผู้กำกับเคยสร้างไว้ ก่อนจะถูกพัฒนาบทมาเป็นเคาท์ดาวน์
  • เดวิด อัศวนนท์ เคยรับงานเป็นพิธีกรในวงการบันเทิง ก่อนจะหายหน้าไป 4-5 ปี แล้วกลับมารับบทเฮซุส
  • เสื้อของพีชในหนังเขียนว่า April Fool’s Every Fucking Day ล้อกับตัวละครแจ็คในเรื่อง ที่ชอบโกหก
  • มีกระแสข่าวว่าที่เต้ยต้องมาตัดผมสั้น เพราะอกหัก แต่จริงๆ แล้วเพื่อรับบทในหนังเรื่องนี้
  • ในหนังเต้ยและพีคใช้ iPhone ส่วนพีชใช้ BB
  • การ์ตูนเคาท์ดาวน์เป็นเรื่องราวก่อนในหนัง มีที่มาที่ไปว่ากระดาษที่มีเบอร์โทรใบนั้นทำไมถึงถูกฉีกออก
  • หนังติดเรท 18+ มีปืน เซ็กส์ เสพยา ความรุนแรง ไม่เหมาะสำหรับเด็กๆ

 

0. สรุป

เคาท์ดาวน์เป็นหนังแนว Thriller คือไม่ใช่หนังผี ไม่ใช่หนังสยองขวัญ แต่เป็นหนังแนวระทึกขวัญ ซึ่งไม่ค่อยมีในเมืองไทย คนดูเลยน่าจะสับสนว่าเข้าไปในโรงเราจะเจออะไรบ้าง

บทหนังทำได้ดีเกินคาด มีแง่คิดมากมาย แง่คิดแบบที่ไม่ต้องเอาพระมาสอน ไม่ต้องบอกตรงๆ แต่คนดูเข้าใจได้ทันที ส่วนการสร้างแรงกดดัน ลุ้นระทึกในหนังก็ทำได้เยี่ยมตามแบบฉบับของ GTH อยู่แล้ว

ข้อด้อยของหนังน่าจะเป็นนักแสดง ที่บางครั้งเราก็สลัดภาพจำของพีชลูกคุณหนู พีคสวยเอ๊กไปไม่พ้น มีเต้ยที่ทำได้ดีเกินคาด แต่คนที่ตีบทแตกที่สุดคงเป็นเดวิด บทเฮซุสน่าจะมีลุ้นรางวัลในช่วงประกวดปีหน้า

สรุปแล้ว “เคาท์ดาวน์” เป็นหนังแนวระทึกขวัญ มีความลับน่าค้นหามากมาย นักแสดงดี บทดีเกินคาด มีความรุนแรงและเป็นหนังคุณภาพอีกเรื่องของ GTH ครับ

9/10