รีวิว: olleh WiBro EGG เครื่อง Mobile Wifi เที่ยวเกาหลีมีเน็ตใช้ตลอด 24 ชั่วโมง

ไปเที่ยวเกาหลีทั้งทีไม่มีเน็ตไว้แชร์รูปอวดเพื่อนๆ คงจะเป็นไปไม่ได้สำหรับหนุ่มสาวชาว Social อย่างพวกเรา ยิ่งยุคนี้อินเทอร์เน็ตต้องใช้ทำอะไรเยอะมาก ทั้ง Email, LINE, เล่นเกมส์, Facebook, Twitter, Instagram ต้องใช้เน็ตทั้งหมด

การไปเที่ยวเกาหลีใต้ค่อนข้างจะไม่ได้สะดวกสบายนักในการหาซื้อ SIM Card แบบ Pre Paid เหมือนในไทยหรือประเทศอื่นๆ ด้วยกฏหมายบางข้อที่ต้องอยู่เกาหลีเกิน 3 วันถึงจะเปิดซิมได้

แต่ช่วงหลังก็มีหลายค่ายที่ทำซิมสำหรับนักท่องเที่ยวขึ้นมา แต่แนวทางที่นิยมสุดในการใช้เน็ตระหว่างเที่ยวเกาหลีต้องเป็นเจ้านี่เลย “WiBro Egg” หรือบริการ Mobile Wifi จ้า

รู้จักกับ olleh WiBro Egg

KT คือค่ายมือถือชื่อดังในเกาหลี เค้าเปิดบริการ Mobile Wifi ในชื่อ olleh WiBro Egg โดยที่มาของชื่อ WiBro มาจากบริการ WiMax อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ส่วนเจ้าตัวอุปกรณ์ก็มีรูปร่างคล้ายกับไข่ เลยเรียกกันในชื่อ Egg

มันเอาไว้ทำอะไร ?

  • EGG คือเครื่องที่ปล่อยสัญญาณ Wifi ให้เราใช้เน็ตได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นมือถือ, แท็บเล็ต, โน้ตบุ้ค
  • ข้างในเครื่องก็จะมี SIM Card เสียบอยู่ และแบตในตัว เทียบง่ายๆ มันคือ Air Card ที่มีแบตในตัวนั่นเอง
  • ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ Download 40.82 Mbps, Upload 10.08 Mbps แต่ก็ขึ้นอยู่กับความแรงสัญญาณในแต่ละจุดด้วย
  • ข้อดีที่สุดของ Egg คือเราสามารถใช้เน็ตได้จากหลายอุปกรณ์ เล่นพร้อมๆ กันได้มากสุด 5 เครื่อง (ถ้าจะเล่นมากกว่านั้นต้องเอาเครื่องนึงออกจากวงไปก่อน)
  • ใช้เน็ตได้ไม่จำกัดชั่วโมงและปริมาณ Data ก็ทำให้ประมาณค่าใช้จ่ายได้
  • ข้อเสียคือมันโทรหากันไม่ได้เหมือน SIM Card
  • ราคาค่าบริการอยู่ที่วันละ 8,000 วอน (~260 บาท) และต้องมัดจำไว้ก่อนตอนที่เช่า 200,000 วอน (~6,600 บาท) 
  • สามารถมัดจำด้วยการใช้บัตรเครดิตได้ พอเอามาคืนเค้าก็จะตัดรายการในบัตรให้เราเอง
  • ใช้เกิน 10 วัน เฉพาะวันที่เกินมาลดราคา 50% เหลือวันละ 4,000 วอน (~130 บาท)
  • หาเช่าได้ที่สนามบินอินชอนเลย มีตั้ง 4 เคาน์เตอร์ตรงทางขาออกสนามบิน เดินออกมาเจอแน่ๆ
  • อ่านเพิ่มเติม -> KT Wifi Router, รีวิว Egg โดย @processic

ขั้นตอนการเช่า Egg
  • นั่งเครื่องบินจาไทยไปถึงเกาหลีก็จะลงที่สนามบินอินชอน ซึ่งหลังจากรับกระเป๋าแล้วตรงทางออก ก็จะมีเคาน์เตอร์ของบริการต่างๆ เต็มไปหมด
  • มองหาป้าย KT หน้าตาประมาณนี้ มีอยู่ที่ทางออกประตู 6, 7, 8 และระหว่างประตู 10 กับ 11
  • จริงๆ คือออกมายังไงก็เจออ่ะ มีเคาน์เตอร์เยอะมาก
  • บอกเจ้าหน้าที่ว่าจะมาเช่า olleh WiBro Egg หรือแคปรูปแล้วเอาให้ดูก็ได้
  • เจ้าหน้าที่พูดอังกฤษได้ดี ฟังไม่ยาก ถามได้ พูดจาดี
  • เจ้าหน้าที่จะขอ Passport ของเรากับบัตรเครดิต เพื่อไปมัดจำค่าเครื่องเอาไว้ เผื่อเราทำหายหรือทำพัง
  • สิ่งที่ได้มาคือจะมีกล่องใส่, เครื่อง Egg, สายชาร์จแบต, เอกสารค่าใช้บริการ
  • ข้างหลังตัวเครื่องจะมีรหัส Wifi อยู่ เจ้าหน้าที่จะให้เราทดลองกดใช้ดู ควรทดสอบกับทุกอุปกรณ์ที่มีว่าใช้ได้จริง ก่อนเดินออกจากเคาน์เตอร์
  • ต่อ Wifi ใส่ Password ก็เล่นได้แล้วเน็ตได้แล้วจ้า
  • ยังไม่ต้องจ่ายตังค์ แต่เวลาขากลับเมืองไทย ต้องมาคืนเครื่องก่อน (เคาน์เตอร์ไหนของ KT ก็ได้ในสนามบิน) เจ้าหน้าที่จะคำนวณค่าเช่าแล้วต้องจ่ายตังค์ตอนนั้น

ทดลองใช้ Egg
  • ตัวเครื่องบางและเบามาก พกใส่กระเป๋าได้สบายๆ
  • แต่พอเปิดไปนานๆ จะมีร้อนบ้าง ไม่ควรใส่กระเป๋ากางเกง
  • เวลาใช้ก็ปรับมือถือเป็น AirPlane Mode แล้วก็เปิด Wifi เชื่อมต่อก็ใช้ได้จ้า ไม่ต้องเอาซิมจากเมืองไทยออกจากเครื่อง ไม่โดนชาร์จ Roaming ด้วย
  • ทดสอบความเร็ว ไม่ได้เร็วถึงขนาด 40 Mbps อย่างที่คุย ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 6-15 Mbps บางช่วงเร็วก็เร็วใจหาย บางช่วงก็ช้าพอสมควร แต่เพียงพอที่จะใช้ในชีวิตประจำวัน
  • ตัวเครื่องมีแบตอยู่ได้ประมาณ 12 ชั่วโมง บางวันที่ไปเที่ยวแต่เช้า ก็มีแบตหมดเหมือนกันนะ
  • ตัวสายชาร์จจะเป็นหัวเสียบกับปลั๊กไฟ แต่ถ้าใครมีสายชาร์จ Micro USB ก็ใช้เสียบกับ Power Bank ระหว่างวันได้
  • ช่วงอยู่ที่เกาหลีออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงเลย อ่านทวีตที่เที่ยวได้จากแท็ก -> #iKorea
  • เวลาไปเที่ยวควรพกไปทั้งกล่อง เผื่อมีปัญหาจะได้เอาไปขอเปลี่ยนที่ศูนย์ได้
  • เครื่องเปิดปิดแบบ Sleep Mode โดยกดตรงกลางเครื่องมีปุ่มบุ๋มๆ อยู่ ช่วยให้ประหยัดแบตมากขึ้นเวลาไม่ได้ใช้เน็ต
  • พบว่าการใช้เน็ตผ่าน Wifi ช่วยประหยัดแบตมือถือมากกว่าใช้ 3G, 4G ประมาณ 30-50%
  • ผมพกอุปกรณ์ที่ต่อเน็ตได้ไป 4 ตัว ทั้ง iPhone, iPad, MacBook ก็เล่นพร้อมๆ กันได้หมดไม่มีปัญหาอะไร
มหกรรมชาร์จแบตก่อนนอน iPhone, iPad, Power Bank, กล้อง Samsung NX3000 และ Egg
  • สัญญาณมีหายบ้างช่วงเดินทาง ลงใต้ดินก็พอมีแต่ไม่เร็วเท่าไหร่
  • ข้อเสียคือเวลาแยกกันเดินกับเพื่อน จะติดต่อกันไม่ได้เหมือน SIM Card จะมีแค่คนที่พก Egg ที่มีเน็ตใช้ 
  • อันนี้ต้องลองพิจารณาทริปของแต่ละคนดู ว่าจะเป็นต้องโทรหากันแค่ไหน ซึ่งกรณีผมใช้วิธีนัดเวลาเอา และเกาหลีก็มี Wifi ฟรีให้ใช้เยอะมาก
  • กรณีถ้าไปหลายคน การซื้อ SIM Card หลายใบก็มีราคาสูงพอสมควร เทียบกับเช่า Egg วันละ 260 บาทก็อาจจะคุ้มกว่า
ไปที่สูงๆ อย่าง Seoul Tower ยังมีคลื่นเลยจ้า
หน้าตาเอกสารเช่า

:: สรุป ::

ตลอด 5 วันที่ใช้งาน Egg ในเกาหลี ก็พบว่าชีวิตยังคงความฟินได้เหมือนปกติดี มีเน็ตใช้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่จำกัด การใช้งานง่าย เชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อมกันได้ตลอด แบตเครื่องอึดพอสมควร เที่ยวทั้งวันได้สบายๆ
มีปัญหาบ้างเหมือนกันเวลาต้องแยกกันเดินกับแฟน จะติดต่อกันไม่ได้ แต่ก็ใช้วิธีนัดเวลากับสถานที่เอา และอีกเรื่องคือความเร็วไม่ได้ปื๊ดป๊าดอย่างที่คิด อาจจะเพราะหวังไว้เยอะ แต่ก็เร็วพอที่จะเล่นได้ปกติเหมือนอยู่เมืองไทย
ใครต้องการเล่นเน็ตระหว่างเที่ยวเกาหลี ด้วยวิธีที่ง่ายไม่ซับซ้อน แชร์ได้หลายคน เล่นได้ไม่จำกัด ก็แนะนำ Egg เลยจ้า

ตลอด 5 วันที่ไปเกาหลีไม่ห่างชีวิต Social เลยจ้า มีเน็ตใช้ตลอดเวลา
ข้อดี
  • สะดวกสบาย ใช้งานง่าย แบตอึด เล่นได้ไม่จำกัด
  • เล่นเน็ตผ่าน Wifi ได้หลายอุปกรณ์พร้อมกัน
  • สถานที่เช่าและคืนสะดวก มีเคาน์เตอร์รอบสนามบิน หาไม่ยาก บริการดี ในเมืองก็มีศูนย์บริการถ้าติดปัญหาอะไร
  • เล่นเน็ตผ่าน Wifi ไม่เปลืองแบตมือถือเท่า SIM Card
ข้อเสีย
  • โทรหากันไม่ได้เวลาแยกกับเพื่อน
  • ราคา 260 บาทต่อวันก็ไม่ได้ถูก 
  • ถ้าชีวิตไม่ Social มากบางทีใช้เน็ตฟรีในโรงแรมหรือตามสถานที่ต่างๆ อาจจะประหยัดกว่า