“แอปเปิลยังคงเป็นแอปเปิล” วิจารณ์ iPhone 6, Apple Watch และ Tim Cook แบบสาวก

แอปเปิลยังคงเป็นแอปเปิล” คือประโยคที่ผมบอกตัวเอง ขณะที่ลากตัวเองเดินออกจากงาน #iPhone6TH ที่จัดขึ้นอย่างแสนเหนื่อย แต่ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม (ไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง)

ก่อนจะยาวไปกว่านี้ พยายามสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในฐานะสาวกแอปเปิลคนนึงดังนี้
คำเตือน: ยาวมาก

iPhone 6 + iPhone 6 Plus

– เหมือนตามข่าวลือ 90% การเก็บความลับมีปัญหา ทำให้สร้างความว้าวได้น้อยมาก
– แต่ไอโฟนก็ยังคงเป็นไอโฟน คือมือถือที่ขายดีที่สุดในโลกและผู้ใช้พอใจที่สุดในโลก (ตามสถิติ) คนเดิมอยากใช้ต่อ คนนอกสนใจ คนไกลแอบเหลียวมอง คือจบ
– ตามจากสำนักข่าวที่จับของจริง 9 ใน 10 บอกดีไซน์ดีมาก ถือแล้วชอบ บาง เบา
– บางคนบอกสาวกเงิบ เพราะแอปเปิล (จ็อบส์) เคยบอกจะไม่ทำจอใหญ่ ?
– แต่สาวกตัวจริงจะรู้ว่าแอปเปิล (จ็อบส์) แมร่มก็เปลี่ยนใจโคตรบ่อย เคยบอกจะไม่ทำ iPad จอเล็ก, จะไม่ทำ iPod ที่เล่นวิดีโอได้, จะไม่มีวันใช้ชิป Intel, จะไม่มีวันจับมือกับ IBM
– เวลาเปลี่ยน ตลาดเปลี่ยน ผู้ใช้เปลี่ยน
– ต้องยอมรับว่ามือถือจอใหญ่กลายเป็นมาตรฐาน จากการที่เราอ่านและเล่นมือถือ มากกว่าโทร โดยทุกเจ้าทำมือถือใหญ่กว่าไอโฟนหมด (อีกนัยคือทำจอเท่ากันก็ตายหมด)
– คนใช้จอใหญ่มาใช้จอเล็กลงมันเจ็บ และน่าจะเป็นเหตุผลอันดับ 1 ที่ไม่ซื้อไอโฟนไปแล้ว (นอกจากราคามันแพง)
– อาเฮีย อาซ้อ ที่ราคาไม่มีผลกับการตัดสินใจ น่าจะกลับมาใช้ iPhone 6 กันพรึ่บ
– คนขายที่เน้นว่าจอตัวเองใหญ่ และขายแพงเท่าไอโฟนจะเหนื่อยหนัก ยกเว้นจะยอมลดราคา เอา Price มาสู้
– ขายดี ฟังธง ขายดีมากด้วย

Apple Pay

– การมาของ NFC และ Apple Pay เป็นคำตอบว่าแอปเปิลจะทำเมื่อพร้อม คำว่าพร้อมคือไม่ได้บอกว่าฉันมีก่อน แต่มีไว้ทำอะไร มีคนใช้แค่ไหน
– Google Wallet เปิดตัวมานาน(มาก)แล้ว ทุกเจ้าพยายามทำ แต่ Mobile Payment ไม่โต
– แอปเปิลเปิดเมื่อพร้อม คำว่าพร้อมคือตรูไปคุยไว้หมดแล้ว ทั้ง Visa, Master, Amex, Starbucks, Mc Donald, Target ฯลฯ (ย้ำว่า ฯลฯ)
– ทำออกมาใช้ได้เลย ใช้ได้จริง ถ้าอีก 1 ปีหลังจากนี้ตลาด Mobile Payment บูม ก็ไม่ต้องเดาว่าเพราะอะไร

Apple Watch

– เป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของการเก็บความลับ มันทำให้ทุกคนร้องว้าวได้เมื่อแรกเห็น
– ในขณะที่ทุกเจ้าก่อนหน้าขายความเป็นนาฬิกาอัจฉริยะ คือต้อง Geek จริงๆ และก็แป๊กทุก 5 เดือนต้องออกรุ่นใหม่มาแทน
– แต่แอปเปิลกลับวาง Apple Watch ในหมวดเครื่องประดับ
– นาฬิกาคือสิ่งที่อยู่ติดตัวเราตลอดเวลา คือเครื่องบอกสถานะ คือสิ่งที่บอกความเป็นตัวของเรา
– คนเลือกซื้อนาฬิกาด้วยความรู้สึกและอารมณ์มาเกี่ยวข้องอย่างมาก มากกว่าการซื้อมือถือ, กระเป๋า, เสื้อผ้า, รถยนต์
– แอปเปิลทำการบ้านมาดี คือชูเรื่องของดีไซน์นำ เทคโนโลยีตาม
– Apple Watch เลยออกตัวเครื่องมาตั้ง 3 แบบ แถมมีสายอีก 30-40 แบบให้เลือก คือขายได้ทุกเพศ ทุกวัย
– เรียกได้ว่ามี wow factor มากพอให้คนดังหรือดารายอมซื้อมาใส่แล้วถ่ายลง IG ว่าฉันใช้แล้วนะ ซึ่งช่วยดันยอดขายอีกมหาศาล
– การเลือกใช้ตัวหมุนด้านข้าง เป็น Navigation น่าสนใจ และจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของ Apple Watch ต่อไปหลังจากนี้ (น่าสงสัยว่าทำไมคู่แข่งคิดไม่ออก)
– ฟีเจอร์มีเยอะ ไปอ่านกันตามข่าว แต่คือใส่มาได้ไม่แพ้ใคร
– เลือกเอาของไม่จำเป็นออก เช่นถ่ายรูปไม่ได้ ยกนาฬิกามาคุยโทรศัพท์ไม่ได้ (เคยเห็น Geek บางท่านพยายามยกนาฬิกามาคุยโทรศัพท์แล้วก็เหนื่อยแทน)
– ส่วนตัวไม่ชอบตัวเครื่องและความอ้วนของมันเท่าไหร่
– แทบทุกฟีเจอร์ต้องใช้คู่กับ iPhone ใครอยากเท่ห์ ต้องซื้อไอโฟนด้วยนะจ๊ะ ขายพ่วงซะงั้น
– แบตหมดเร็วแน่ ฟันธง
– ราคา 10-11k รับได้ แพงกว่าคู่แข่งเป็นเรื่องปกติ (แอปเปิลเคยขายของถูกด้วยเหรอ)
– ดูแล้วรู้สึกได้ว่าเป็นนาฬิกาที่คิดมาดี คิดมานาน คิดมาเยอะ
– ขายดี แต่ไม่ได้ถล่มทลาย รออีก 1 ปีมันจะบางลง เล็กลงไปได้อีก (แต่อดเท่ห์จนปี 2016 เลยนะ)

Tim Cook

– นี่คือแอปเปิลที่ไม่มีสตีฟ จ็อบส์แล้วจริงๆ นี่คือแอปเปิลของทิม คุ้ก
– ตามข่าวคือ Apple Watch ถูกสร้างภายใต้การนำของทิมล้วนๆ
– เพราะฉะนั้นก็พอจะตอบข้อสงสัยของสาวก ที่ว่า “แอปเปิลที่ไม่มีสตีฟ จ็อบส์ จะหมดนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ไปแล้วรึเปล่า ?”
– คำตอบคือ “ไม่” ทิมยังคงนำแอปเปิลไปในทางที่จ็อบส์เคยสร้างไว้ ยังมีกลิ่นมี DNA ของจ็อบส์ฝังอยู่
– มองไปยาวๆ อีก 5 ปี 10 ปี ถ้าทิมยังทำได้ในมาตรฐานนี้อยู่ น่าจะไปได้อีกไกล ไม่แย่ลงในเร็ววัน
– ประโยคที่ทิมใช้ขึ้นจอ ก่อนจะเปิดตัว Apple Watch ที่ว่า “One more thing …” น่าจะเป็นคำตอบได้ดีที่สุดแล้ว

สรุปแล้วประโยคที่ดังขึ้นมาในหัวหลังจบงาน ตอนนี้ก็ดังขึ้นมาอีกรอบ 

แอปเปิลยังคงเป็นแอปเปิล