ประสบการณ์ติดซีรีย์เกาหลีครั้งแรกในชีวิต กับ “You Who Came From The Star”

ผมเป็นคนไม่ดูละครครับ ทั้งละครไทย รวมถึงซีรีย์ฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น เรียกว่าปกติจะไม่เปิดทีวีดูละครเลย

เหตุผลไม่ใช่ว่าไม่ชอบ หรือไม่มีเวลาอะไรหรอก แค่ไม่อยากดูเพราะ “กลัวติด” คือจากประสบการณ์เวลาเห็นคนรอบตัวติดละครแล้วชอบบ่นว่า อาการติดละครนี่มันก็มีความสุขดีอ่ะนะ แต่ค่อนข้างทรมานนิดนึง 5555

แต่ในที่สุดช่วงที่เชอรี่ออกจากที่ทำงานมาเตรียมคลอดลูกอยู่บ้าน แล้วผมเองก็ขอหยุดงานทุกอย่างเพื่อมาดูแล ซึ่งการจะอยู่บ้านไม่ทำงานอะไรเลยก็น่าเบื่อไปหน่อย ผมเลยแก้ปัญหาด้วยการ “ดูซีรีย์เกาหลี”

ทำไมต้องเป็น You Who Came From The Star

เนื่องจากไม่รู้ว่าละครเรื่องไหนดี เรื่องไหนดัง วิธีที่ดีที่สุดคือสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญนั่นเอง ซึ่งคนรอบตัว รวมถึง Follower ในทวิตเตอร์หลายคนก็เชี่ยวเรื่องละครเกาหลีกันมากกกกก

ไม่น่าเชื่อว่าทันทีที่ผมขอคำปรึกษาทาง Twitter และ Facebook ว่า …

ก็มีคน Mention ตอบกลับมาเกินร้อยข้อความ แบบว่าเยอะมากจริงๆ ซึ่งพอมาดูรายชื่อที่คนส่วนใหญ่แนะนำ พบว่าเกิน 70% แนะนำให้ดูเรื่อง “You Who Came From The Star”

พอมาอ่านเรื่องย่อและนักแสดงแล้ว ก็คิดว่าน่าจะโอเคเลย อย่างน้อยก็มี “จวนจีฮุน” ขวัญใจตั้งแต่ My Sassy Girl มาแสดงด้วย แม้จะดูช้าหลังชาวบ้านเป็นปี แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร

ครั้งแรกกับการติดซีรีย์เกาหลี

  • ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านละครอะไร แต่ก็พอจะเคยผ่านตากับละครทั้งไทย ฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น เกาหลีมาบ้าง
  • แต่กับ You Who Came From The Star ต้องยอมรับว่าเป็นละครที่ดูแล้วทำให้ติดหนึบของจริง >_<
  • คือแค่กดดูตอนแรก ไม่ได้ลุกไปกินขนม เข้าห้องน้ำ เช็คมือถือกันเลย คือดำเนินเรื่องฉับไว น่าสนใจ และที่สำคัญคือดูสนุกเอามากๆ
  • ผมพบว่าหลังจากที่ดูจบตอนที่ 1 ผมรีบดูต่อตอนที่ 2, 3 และตอนต่อๆ ไปอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าละครทั่วไปที่เคยดู
  • ติดทีเดียวทั้ง 2 คนเลยนะ ดูด้วยกัน หัวเราะไปด้วยกัน รีบกดดูตอนต่อไปด้วยกัน ซึ่งก็ทำให้ช่วงเวลาที่อยู่บ้านมีสีสันมากขึ้นทีเดียวแหล่ะ
  • คือมันรู้สึกว่า เฮ้ย ตอนต่อไปมันจะเป็นยังไงฟะ ทั้งที่พอจะเดาทางละครออกนะ แต่มันก็ยังอิน ยังอยากรู้เรื่องราวของพวกเขาต่อไปเรื่อยๆ
นักแสดง
  • จวนจีฮุน เกิดมาเพื่อบท “ชอนซองฮี” นี้จริงๆ ชีเริ่ด น่าหมั่นไส้ ดูเป็นนางเอกที่โง่จริงแบบไม่ได้แกล้งโง่ (ฮา) แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ มีมุมน่ารักๆ มากมายที่ทำให้แอบยิ้ม
  • ประโยค “ฉันคือชอนซองฮี” พร้อมสีหน้าที่มั่นใจสุดๆ ยังติดตาอยู่ทุกวันนี้ 555
  • ผมไม่เคยเห็นผลงานของ “คิม ซู‑ฮย็อน” พระเอกมาก่อน แต่บท “โทมินจุน” นี่ก็ทำให้นึกภาพสาวๆ จิกหมอนเวลาดูเขาบนจอได้เลย ผู้ชายเย็นชา ที่แอบมีมุมน่ารักๆ โดนใจสาวๆ นักแหล่ะ
  • ตัวรองทั้งสองคนอย่าง “ฮวีคยอง” กับ “ยู เซมี” เอาจริงๆ แล้วผมว่า 2 คนนี้เป็นตัวละครที่เจ๋งกว่าพระเอกนางเอกซะอีกนะ เสริมเรื่องได้ดีมีมิติมากๆ
  • ตัวร้ายหรือนักแสดงคนอื่นๆ ก็เป็นไปตามละครแนว Romantic Comedy คือมีความโดดจากชีวิตคนทั่วไปซะหน่อย แต่ก็ดูไม่ได้ฝืนจนเลี่ยนไปนัก
ชอบ / ไม่ชอบ
  • สิ่งที่ชอบที่สุดในซีรีย์เรื่องนี้คือภาพเลย โดยเฉพาะฉากที่โชว์เทคนิคหยุดเวลานี่คือเนียนมาก แล้วไม่ได้มีแค่ฉากเดียว แต่มีให้เห็นบ่อย ดูเพลินดี
  • งานภาพในฉากอื่นๆ เช่นในห้องนอน มุมหิมะตก ริมระเบียง ก็สวยและคมเอามากๆ ขนาดเชอรี่ที่ดูละครไปด้วยกันยังพูดขึ้นมาเลยว่าถ่ายภาพสวยจัง
  • การให้ตัวละครมาพูดในห้อง เหมือนกำลังโดนสัมภาษณ์ เพื่อบอกความรู้สึกในช่วงเวลานั้นๆ อันนี้คือหลุดมาก ต้องเป็นแนวแฟนตาซีถึงทำได้ แต่ช่วยให้เราเข้าใจความคิดของตัวละครได้ดี
  • กิมมิกที่น่ารักที่สุดของเรื่องนี้เลยคือช่วง End Credit ไม่ใช่แค่ให้ดูตัวอย่างตอนต่อไปเหมือนเรื่องอื่นๆ แต่เป็นการนำมุมเล็กๆ น่ารักๆ ของบางฉากในตอนนี้ เอามาเล่าให้ฟังใหม่ ดูจบแล้วอมยิ้มได้แทบทุกครั้ง
  • พอรวมๆ กันแล้วมันก็ทำให้รู้สึกได้ว่า “คนทำแมร่งคิดเยอะมาก” สมกับที่ได้รางวัลละครแห่งปีจริงๆ
  • อวยมาเยอะ ส่วนที่ไม่ชอบก็มีอยู่เหมือนกัน คือความที่เป็นละคร Fantasy แต่พอมีฉากที่เน้นความสมเหตุสมผล เราก็จะไม่ค่อยเก็ตเท่าไหร่ เช่น ทำไมไม่หายตัวไปช่วยฟะ ทำไมไม่ใช้พลังอันโน้นอันนี้ซะก็จบแล้ว
  • โฆษณาเยอะมากกก ไม่รู้จะเยอะไปไหน Tie-in ตลอด ถึงจะค่อนข้างเนียน แต่พอมันเยอะเลยรู้สึกอัดโฆษณาเข้ามาเยอะไปอยู่ดี
  • รวมถึงช่วงหลังที่เริ่มไปในทางละครเน้นน้ำตาท่วมจอไปหน่อย แถมยืดมาก ช่วงท้ายเลยไม่ค่อยอินเหมือนช่วงแรกเท่าไหร่
  • แต่ยังดีที่ตอนจบ ทำขมวดปม และก็มีมุมให้ลุ้นอยู่นิดๆ แม้จะพอรู้ว่าสุดท้ายก็ต้อง Happy Ending แหล่ะ แต่คนเขียนบทก็เลือกวิธีจบได้โอเคเลยทีเดียว
สรุปจากประสบการณ์ติดละครเกาหลีครั้งนี้ จากคนที่ไม่ดูละครมาก่อน ก็ทำให้ได้เห็นอีกมุม คือผมรู้แล้วว่าทำไมซีรีย์เกาหลีถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้ คือนอกจากเรื่องของการลงทุน ทั้งเรื่องฉาก เรื่องเทคนิค และเรื่องโปรดักชั่นแล้ว
ผมว่าคนทำละครเกาหลีเค้า “คิดเยอะดี” ตัวละครมีจิตใจ มีทั้งดีและร้ายในตัวเอง บทมีความซับซ้อนในระดับที่แม่บ้านก็ยังตามทัน พ่อบ้านได้คิดวิเคราะห์ไปด้วย
ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะได้ดูซีรีย์เกาหลีจนติดอีกรึเปล่า แต่ก็คิดว่าถ้ามีเวลาก็คงหาเรื่องต่อไปมาลองชมกันครับ 🙂
Note: จบด้วยประโยคเด็ดแคปให้ด้วยของ “ชอนซองฮี” เธอเด็ดจริง