ปัญหา “แม่ผัว vs ลูกสะใภ้” บางทีทางแก้ อาจจะอยู่ที่ผู้ชาย

สุดยอดปัญหาคลาสสิคสำหรับหลายๆ ครอบครัวคงหนีไม่พ้น “แม่ผัว vs ลูกสะใภ้” ถึงแม้สมัยนี้หลายคู่จะเลือกแต่งงานแล้วแยกตัวออกไปอยู่บ้านของตัวเอง แต่เราก็ยังพบเห็นปัญหาแบบนี้กันอยู่เรื่อยๆ

ส่วนตัวผมถึงแม้จะแต่งงานมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่พบปัญหาของคุณแม่ผม กับภรรยาซักเท่าไหร่เลย แต่พอคุยกับเพื่อนๆ หลายคน บางคู่นี่สู้กันหนักจนต้องเลือกว่า “ที่ไหนมีแม่ ต้องไม่มีเมีย” กันเลยทีเดียว

ทำไมแม่สามีกับลูกสะใภ้ถึงไม่ถูกกัน ?

จากที่ลองพยายามนั่งวิจัยส่วนตัว และก็คุยกับเพื่อนๆ หลายครอบครัว พบว่าหลายครอบครัวมีรูปแบบคล้ายๆ กัน

ฝั่งคุณแม่

  • ก่อนแต่งงาน : ก็ดูรักกันดี ภรรยายกมือไหว้สวยๆ คุณแม่เอ็นดู อยากได้คนนี้มาเป็นลูกสะใภ้ ประมาณว่าน้องเค้าก็ดูน่ารักดีนะ
  • ช่วงแต่งงาน : เรื่องสินสอด เมื่อไหร่เค้าจะตกลงกันได้ซะที, ลูกสะใภ้เรื่องเยอะ, ทำไมไม่จัดงานแต่งตามแบบที่แม่แนะนำ, วันงานเหมือนแม่เป็นคนไม่สำคัญ
  • หลังแต่ง : เริ่มมีข้อเสียให้คุณแม่บ่นเรื่อยๆ เช่น ทำไมแฟนเธอใช้ตังค์เปลืองจัง, ไม่ดูแลลูกชายเราเลย, ทำไมเจอกันพูดจากับแม่แข็งๆ, ไม่รู้จักดูแลบ้านเลย ต้องให้แม่ตามเก็บ
ฝั่งคุณภรรยา
  • ก่อนแต่งงาน : คุณแม่เธอดูน่ารักจังเลย, แม่ชอบทานอะไรเหรอ เดี๋ยวเราจะซื้อเข้าไปฝากนะ, เราไม่สนใจเรื่องสินสอดหรอก แต่ไม่รู้คุณพ่อคุณแม่จะว่ายังไงบ้าง
  • ช่วงแต่งงาน : แม่เธอบ่นฉันอีกแล้วเรื่องจัดงาน, สินสอดก็เป็นเรื่องปกติของฝ่ายหญิงนะ มีก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร, ฉันคุยกับคุณแม่แล้วเหนื่อยจังเลยค่ะ
  • หลังแต่ง : เมื่อไหร่แม่คุณจะเลิกบ่นฉันซะที, เราแยกกันไปซื้อบ้านที่อื่นอยู่กันเถอะนะ
ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ส่วนใหญ่ จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรเลย แต่มันมักจะเกิดจากความไม่เข้าใจกันที่ผ่านเวลาเป็นระยะเวลานานขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อนๆ ของผมบอกว่า จริงๆ คุณแม่ของเขาก็เป็นคนดี แฟนก็เป็นคนดีทั้งคู่ ไม่ได้เป็นคนที่จะมีปัญหาอะไรกันได้ง่ายๆ เลย … แต่ไม่รู้ทำไม พอแต่งงานไป กลับกลายเป็นอีกแบบนึง

บางทีทางแก้ อาจจะอยู่ที่ผู้ชาย

ผมพบว่าปัญหาอย่างหนึ่งของ “แม่ผัว vs ลูกสะใภ้” จะมีคนๆ นึงที่อยู่ในทุกขั้นตอนของปัญหาด้วยอยู่เสมอ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน … คุณผู้ชายนั่นแหล่ะ
“ทำไมแฟนเธอใช้ตังค์เปลืองจัง”
“เมื่อไหร่แม่คุณจะเลิกบ่นฉันซะที”
ถ้าเราลองเอาประโยคข้างต้นกลับมาอ่านดูใหม่ จะเห็นว่าสุดท้ายแล้วผู้ชายเรานี่แหล่ะครับที่เป็นตัวกลางของทั้งสองฝั่ง แม่ไม่พอใจอะไรก็จะมาฝากบอกที่เรา แฟนไม่พอใจอะไรก็จะมาฝากบอกที่เรา
คือผมก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าทำไม “ผู้หญิงเค้าไม่ไปคุยกันเอง” 5555 แต่ก็คงเป็นลักษณะปกติของผู้หญิงที่มักจะไม่แสดงออกให้อีกฝ่ายรับรู้ตรงๆ 
เพราะงั้นมันมีความเสี่ยงสูงมาก ถ้าเกิดคุณผู้ชายสกิลการเป็นตัวกลางไม่ดีพอ 
“แม่ผมฝากมาบอกว่าคุณใช้ตังค์เปลืองนะ”
“คุณแม่ก็เลิกขี้บ่นซะที นี่แฟนผมเค้ายังบอกเลย”
จะเห็นว่าเรื่องราวนี้มันก็จะชิบหายวายป่วงทันทีแบบไม่ต้องเดาตอนจบ และเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้แหล่ะที่สุดท้ายจะบานปลายกลายเป็นปัญหาครอบครัว
มีคนเคยบอกผมไว้ว่า ผู้หญิงเป็นเพศที่มีความจำดีเป็นเลิศ … โดยเฉพาะถ้าใครที่มาทำให้เค้าเจ็บนะ จะจำฝังหัวไปจนวันตายยยยยยยยยย

ข้อแนะนำสำหรับคุณผู้ชาย

ส่วนตัวผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนกลางที่ดีพอรึเปล่า แต่จากสถิติที่แฟนกับแม่ไม่เคยมีปัญหากันเลยตั้งแต่แต่งงานกันมาหลายปี ก็น่าจะพอมีวิธีแนะนำสำหรับคุณผู้ชายดังนี้ครับ
  • ผมบอกแม่เสมอว่า ถ้าจะใช้งานอะไรแฟนผม ให้บอกผ่านผมก่อน เช่น ให้ไปซื้อของ หรือให้ไปทำธุระ
  • บ่อยครั้งที่แม่ใช้ให้แฟนไปทำโน่นนี่นั่น ผมจะพยายามอาสาไปเองแทน สุดท้ายแล้วแม่จะไม่อยากสั่งแฟนเรามาก เพราะรู้ว่าลูกจะทำให้แทน
  • แสดงให้แม่เห็นว่าคุณอยู่กับแฟนแล้วมีความสุข ชีวิตของคุณดีขึ้น การงานมั่นคง แฟนช่วยเหลือคุณได้มาก ไม่ต้องเป็นห่วง
  • แสดงให้แฟนเห็นว่าแม่มีด้านดีหลายอย่าง เช่น ช่วยเลี้ยงหลานเวลาที่คุณไม่อยู่, มีเคล็ดลับทำอาหารสูตรเด็ด
  • บอกรักแม่ ให้บ่อย (ถึงแม้จะไม่บ่อยเท่าบอกรักแฟนก็เถอะนะ 555)
  • เล่าเรื่องดีๆ ของแม่ให้เมียฟัง และเล่าเรื่องดีๆ ของเมียให้แม่ฟัง
  • สังเกตแม่และแฟนเวลาคุยกันดีๆ ว่ามีความผิดปกติอะไรหรือเปล่า
  • เวลาห้ามศึก อย่าตัดสินว่าใครถูกใครผิด เมื่ออยู่ด้วยกัน 3 คน ให้พยายามแยกหรือทำเนียนกลบเกลื่อน ให้แยกมวยไปก่อน
  • จากนั้นหาเวลาคุยกับแต่ละฝ่าย ถามปัญหาว่าเกิดจากอะไร และไม่ว่าแต่ละคนจะบ่นอะไรออกมา จงตั้งใจฟัง และกัดลิ้นตัวเองไว้ ไม่ต้องไปช่วยใครแก้ปัญหา
  • เช่น “อ๋อ .. อืม เป็นอย่างนี้เองเหรอ … เข้าใจครับ … ไม่เป็นไรหรอกแม่ เรื่องนิดเดียวเองเน๊อะ”
  • ถ้าจังหวะคุย แม่หรือเมียอยู่ในอารมณ์โมโห “จงเข้าข้างเธอ” แม้จะรู้ว่าเธอผิดก็เถอะ อย่างน้อยก็ดีกว่าเอาน้ำมันไปราดไฟ หัวคุณจะไหม้ตามไปด้วยน่ะสิ >__<
  • หากิจกรรมที่ทำร่วมกัน 3 คนบ้าง เช่น ขับรถพาไปห้าง หรือไปเที่ยวต่างจังหวัด
  • ถ้าแม่ว่างมาก จงหา Mission ให้แม่ทำ จะได้ไม่ว่าง เช่น ให้แม่ช่วยเลือกซื้อหมู ไก่ ปลา มาทำกับข้าวกินกันที่บ้านหน่อย หรือฝากแม่เลือกซื้อชุดสำหรับหลานในงานวันเกิด
  • ถ้าแฟนคุณไม่ว่างเลย พยายามลองช่วยงานบ้านที่เธอทำอยู่บ้าง เช่น ล้างจาน, ตากผ้า
  • อย่าบ่นว่าไม่มีตังค์ให้แม่ได้ยิน ให้บอกช่วงนี้รวยมาก ใช้เงินไม่ทันแล้วเนี่ย ตังค์เหลือเยอะเลย … ในทางกลับกัน อย่าบ่นว่ามีตังค์เยอะให้เมียได้ยิน
  • รักษาระยะห่างของทั้งคู่บ้าง ช่วงแรกที่แต่งงาน ถ้าแยกครอบครัวออกไปอยู่อีกบ้านได้ก็จะดี ให้แม่กับแฟนเรามีระยะห่างกันระดับพอดีๆ จนถ้าทั้งคู่เริ่มโอเคกันมากขึ้นแล้ว ค่อยกลับมารวมบ้านก็ไม่สาย
สุดท้ายแล้ว เชื่อว่าทั้งแม่และแฟน ก็รักเราไม่แพ้ที่เรารักทั้งสองคนนั่นแหล่ะครับ ถ้าเราพูดคุยกันด้วยความรัก ความเข้าใจ และคุณผู้ชายก็ทำหน้าที่คนกลางที่ดีได้ เชื่อว่าสุดท้ายแล้วทุกคนก็อยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุขนะจ๊ะ