Case Study : เรียนออนไลน์ที่ รร.กรุงเทพคริสเตียน แนวทางดีๆ ที่ลองปรับใช้ดูได้

เรียนออนไลน์เป็นเรื่องยากจริงๆ ครับ ทั้งครู พ่อแม่ โดยเฉพาะเด็กๆ โชคดีที่การเรียนจากที่บ้าน เกิดในเวลาที่ผมก็ทำงานที่บ้านด้วย เลยได้มีโอกาสเห็นการเรียนการสอน วิธีจัดการ วิธีการสื่อสาร การสอบ ฯลฯ

ซึ่งผ่านมาแล้ว 2 เดือน ต้องบอกว่า ประทับใจมากกกกกกกก

ในขณะที่หลายบ้านบ่นเรื่องการเรียนออนไลน์เยอะ เลยอยากขอยกเคส และวิธีการสอนของที่กท. ในระดับประถม

ไว้เผื่อลองแชร์ให้ครู หรือผู้ปกครองโรงเรียนอื่นลองดูกันครับ บางเคสอาจจะใช้ไม่ได้ทั้งหมด แต่เชื่อว่าน่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยฮะ

🔸🔸🔸🔸

Note 1 : ขออนุญาตเอ่ยชื่อโรงเรียน คือด้วยความชื่นชมและคิดว่าเป็นกรณีศึกษาที่ดี
Note 2 : เนื้อหาได้มีการเบลอหน้าจอ และสื่อการสอนของโรงเรียน​ทั้งหมดแล้วครับ

1. อบรมพ่อแม่ผู้ปกครอง ก่อนให้ลูกเรียนออนไลน์

ในสัปดาห์แรกที่เรียน จะไม่มีการสอนวิชาการเลย แต่เป็นการทำความเข้าใจการเรียนออนไลน์ สอนดูตารางเรียน สอนให้เด็กคลิกเอง ทำได้เอง ไม่ต้องรบกวนผู้ปกครอง ที่โรงเรียนใช้ระบบ Microsoft Team ในการเรียนและส่งการบ้านทั้งหมด

จากนั้นทางโรงเรียนมีการให้ครูประจำชั้น นัดพูดคุยกับพ่อแม่ เพื่อแจ้งวิธีการ ข้อมูลทางเทคนิค และการเตรียมตัว

.

สิ่งที่ดีคือการประชุมผู้ปกครองเกิดหลังจากที่เรียนออนไลน์ไปแล้ว 1 สัปดาห์ เพื่อให้พ่อแม่ได้เห็นว่าของจริงเป็นยังไง จะได้ feedback แล้วปรึกษากับครูตรงตรงจุด

มี LINE Group ที่ครูประจำชั้นมาช่วยคุยกับพ่อแม่ถึงปัญหาต่างๆ ด้วย ในกลุ่มผู้ปกครองก็ช่วยกัน ปรึกษากันได้ดีมากๆ

🔸🔸🔸🔸

2. ครูทำสื่อใหม่ สำหรับเรียนออนไลน์โดยเฉพาะ

ปัญหาหลักเลยของการเรียนออนไลน์ คือครูชอบคิดว่าสอนแบบที่เคยสอนในห้องเรียน แล้วจะมาใช้กับออนไลน์ได้ … มันไม่เวิร์ค !!

ผมพยายามนั่งดูการสอนของครู แล้วพบว่ามีเนื้อหาจำนวนมาก ที่ครูทำขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้สอนออนไลน์โดยเฉพาะ

มีตั้งแต่กิจกรรม,​ เกมส์, การตอบคำถาม, Quiz, เปิดวิดิโอบ้างกันเด็กหลับ ฯลฯ

เอาง่ายๆ เลย วิชาพละเนี่ย คุณจะสอนออนไลน์ยังไง ถ้าไม่ปรับวิธีสอน 555

🔸🔸🔸🔸

3. (แทบจะ) ไม่มีการบ้าน

อันนี้คือแทบก้มกราบครูเลย คือในขณะที่หลายโรงเรียน เด็กต้องนั่งทำการบ้านค่อนข้างเยอะหลังเลิกเรียน หรือต้องไปทำวันหยุด แม้จะเป็นระดับที่ยังเล็กอยู่อย่างเด็ก ป. 1

แต่ผมพบว่า ลูกแทบไม่เคยต้องทำการบ้านเลย หรือถ้ามีก็น้อยมาก ทำแป๊บๆ ก็จบแล้ว

คือคุณครูจะพยายามให้ทำจบในคาบ และถ้ามีงานต้องส่งจะให้เวลาทำนาน เผื่อผู้ปกครองที่ต้องทำงานมาช่วยดูแลตรงนี้

.

ไม่รู้ว่าด้วยนโยบายของทางโรงเรียนไหม แต่ผมสังเกตว่าครูจะใช้วิธีสอน 20-30 นาทีก็จบแล้ว

หลังจากนั้นจะให้นักเรียนทำ Quiz, โจทย์ ต่างๆ ในคาบเรียนเลย ใครส่งในคาบจบ ก็เสร็จเลย ไม่มีการบ้านต่อ

สิ่งที่ดีคือพอเลิกเรียนตอนบ่าย 3 เด็กจะมีเวลาว่างตลอดทั้งวันจนถึงเวลานอนเลย ก็มีเวลาใช้ชีวิต วิ่งเล่น ทำอย่างอื่นได้เยอะมาก

🔸🔸🔸🔸

4. มีกิจกรรมตอบโต้กับนักเรียน ตลอดเวลาที่สอนออนไลน์

นรกที่แท้จริงของการเรียนออนไลน์ คือการนั่งฟังครูเฉยๆ 1 ชั่วโมง แล้วครูก็แจกการบ้านให้กลับไปนั่งทำต่อหลังเรียนจบ

มันอาจจะเป็นท่าที่เคยเวิร์คสมัยเรียนในห้อง แต่ออนไลน์ที่ตรงข้ามมากๆ

.

ผมพบว่าที่กท. แทบทุกวิชา ครูจะให้เด็กมีส่วนโต้ตอบทุก 5 นาทีเลย เช่น

– เล่นเกมบรรไดงูด้วยกัน ให้นักเรียนแบ่งเป็น 3 ทีม ตอบถูกได้ทอยลูกเต๋า เด็กๆ ทั้งสนุก ทั้งได้ลุ้นตาม
– แชร์หน้าจอให้เด็กสามารถลากรูปภาพจับคู่ได้เองในหน้าจอ Teacher
– เปิดเสียงโจทย์ แล้วให้เด็กลากคำตอบที่ถูกไปวาง
– เล่นเกมจับคู่ภาพ

.

วิชาภาษาอังกฤษ เปิดสัตว์ขึ้นมา 7 ตัว ครูเรียกชื่อให้เด็กผลัดกันเปิดไมค์มาตอบว่าตัวนี้เรียกอะไร

การได้ยินเสียงเพื่อน มันทำให้เด็กไม่เบื่อ
การที่รู้ว่าเดี๋ยวจะถึงคิวเราตอบ ทำให้เด็กตื่นตัว

🔸🔸🔸🔸

5. การเรียน ไม่ต้องนั่งตลอดเวลา

ผมเปิดตารางสอนดู แล้วก็ได้แต่เกาหัวว่า วิชาพวกนี้มันจะเรียนออนไลน์ยังไงนิ ?
พละ, ลูกเสือ, วิชากิจกรรม ???

พอถึงเวลา ก็แอบนั่งดูลูกเรียน แล้วก็พบว่า โอ้ โรงเรียนก็มีวิธีสอนที่น่าสนใจดี

อย่างวิชากิจกรรม ครูจะมีกิจกรรมให้เด็กเล่นโต้ตอบได้

เช่นเกมลาวา ถ้าครูบอกลาวาอยู่บนโต๊ะ ทุกคนต้องเอามือออกจากโต๊ะ
ถ้าครูบอกลาวาอยู่บนพื้น ทุกคนต้องห้ามเท้าแตะพื้น ปีนขึ้นมาบนเก้าอี้ก็ได้

.

หรือวิชาพละ สอนให้ชกบนอากาศ ครูลุกขึ้นชกอากาศพร้อมกับเด็กๆ มีเพลง มีเสียง Effect

โห โคตรสนุก และลูกก็ชอบวิชานี้มากๆ

Effect เยอะจนครูแซวตัวเองว่า แทบจะไม่ใช่คุณครูแล้ว แทบจะเป็น Youtuber คนหนึ่งแล้ว

🔸🔸🔸🔸

6. ให้ทำโจทย์ระหว่างคาบ ลดการบ้าน

พอเป็นการเรียนออนไลน์ การทำโจทย์หรือข้อสอบต่างๆ เลยต้องเปลี่ยนวิธีใหม่ หลายวิชาเลยที่ลูกต้องกด link ในหน้าแชท

กดแล้วก็ไปที่หน้าเว็บ ที่เป็นโจทย์ให้ทำบนออนไลน์เลย ใช้เมาส์คลิ๊กได้เลย
เช่น ลากเส้นจับคู่ ศัพท์ภาษาไทย หรือเติมคำในช่องว่าง

.

ช่วงแรกก็งงๆ เหมือนกัน ต้องให้พ่อแม่ช่วย เพราะลูกยังใช้เมาส์ไม่ถนัด
ผ่านไป 2 สัปดาห์ ลุยเองเลยจ้า

พอมี Quiz เก็บคะแนนบ่อยๆ ทำให้เวลาสอบกลางภาค หรือสอบ Final ก็ไม่ต้องอ่านหนังสือมาสอบเป็นตับ แต่เป็นการทำโจทย์สั้นๆ

เพราะคะแนนส่วนใหญ่เก็บมาตลอดทุกคาบเรียนอยู่แล้ว

🔸🔸🔸🔸

7. ครูกำหนดกติกาชัดเจน รู้จักวิธีควบคุม Video Conference ได้ดีมาก

สัปดาห์แรก ครูทุกคาบจะกำหนด กฏกติกาการเรียนออนไลน์ชัดเจนเลย
เช่น ระหว่างเรียนต้องเปิดกล้องตลอดเวลา
ห้ามทานอาหารระหว่างเรียน
เปิดไมค์ได้เมื่อครูถาม นอกนั้นต้องปิดไมค์ตลอด

เรียกง่ายๆ ว่า “เอาอยู่”

นอกจากนี้ เด็กที่เรียนก็จะใช้อุปกรณ์ต่างกัน คือมีทั้งใช้คอม, iPad หรือโทรศัพท์เรียน

แต่รูปแบบการเรียนก็ไม่มีอุปสรรคไม่ว่าจะใช้เครื่องแบบไหน

.

ผมแทบไม่เจอเลยที่ครูมาถึงแล้วดูงงๆ กับระบบ
“ปุ่มนี้อยู่ไหนนะ”, “กดแชร์จอทำไงนะ”, “ทำไมเสียงไม่มา”

ยังไม่เคยเจอ ซึ่งเข้าใจว่าโรงเรียนก็เทรนครูมาดีระดับนึง ใช้คล่องเลยแหล่ะ

🔸🔸🔸🔸

8. ดุได้ สอนได้ ใช้เหตุผล

ด้วยความที่เด็กค่อนข้างเล็ก คือแค่ ป. 1 แน่นอนก็ต้องมีความดื้อความซนอยู่แล้ว
หลายครั้งที่ผมเห็นเด็กแกล้งครู หรือซนจนเกินไป
ครูก็ดุในห้องได้เลย แต่ดุในแบบที่มีเหตุและผลดี

รวมถึงมีการแจ้งพ่อแม่ด้วยว่าลูกมีปัญหาด้านไหน ควรปรับปรุงอะไร

เชื่อว่าครูเองก็รู้ว่าตอนที่ดุ มีพ่อแม่ที่ฟังอยู่ เพราะก็เรียนกันอยู่ที่บ้านหมด
แต่เด็กทำผิดก็ต้องดุต้องสอน เกรงใจพ่อแม่ก็คุมห้องเรียนไม่ได้

🔸🔸🔸🔸

 

9. ครูตั้งใจในการสอนออนไลน์ (มากๆ)

ข้อสุดท้ายที่รู้สึกว่าประทับใจ คือความตั้งใจของคุณครู ที่เราดูออกได้เลยว่าเค้าตั้งใจจะสอนออนไลน์ให้ออกมาดีจริงๆ

คือการเรียนออนไลน์เป็นเรื่องใหม่ โดยเฉพาะกับครู
แต่ครูที่ไปไม่ทันกับยุคนี้ ยังยึดติดกับแต่รูปแบบเดิมๆ ที่เคยทำมาเป็นสิบปี
เราก็จะเห็นได้ชัดเลยว่าผลเสียจะส่งมาที่เด็กทันที

.

ในหลายวิชาผมพบว่าช่วงแรกครูสอนไม่ค่อยดี เด็กดูไม่ค่อยตั้งใจฟัง
แต่ไม่นานก็เห็นครูทำสื่อมาใหม่ มีเกม มีกิจกรรม

หรือครูเองก็มักจะถามเด็กๆ ตลอดว่าตรงนี้เร็วไปไหม ช้าไปไหม
ครูประจำชั้นเองก็รวบรวมปัญหาจากกลุ่มผู้ปกครอง มาคุยกับครูวิชาต่างๆ
และปรับแก้ตามที่เราช่วย feedback ไปตลอด

🔸🔸🔸🔸

โดยสรุป ผมคิดว่าปัจจัยหลักของการเรียนออนไลน์ ที่กท.ทำได้ดี
คือ เรื่องของคุณภาพครู, การทำสื่อใหม่, การจัดกิจกรรมให้เหมาะกับออนไลน์

ลูกชอบมากครับ บอกเรียนแล้วสนุก อยากเรียนทุกวัน (แม้จะอยากไปที่รร.จริงๆ หลังโควิดหายมากกว่า)

.

ที่สำคัญสุดคือความเข้าใจ คือเข้าใจสภาพของเด็ก พ่อแม่ และครู
ก็ไม่น่าแปลกใจที่อยู่ดีๆ โรงเรียนจะประกาศหยุดเรียน 1 สัปดาห์
เหตุผลคือเพื่อลดความเครียดของนักเรียนลง

แต่พ่อแม่จะเครียดแทนนี่แหล่ะคร๊าบบบบ ลูกว่าง 5 วัน แต่พ่อแม่ทำงานทุกวัน ทำไงดีล่ะเนี่ย 55555

ปล. iMac M1 นี่ของเค้าดีจริงๆ นะครัช 😆