คำถามโลกแตก: ทำไมผู้ชายถึงไม่ยอมขอผู้หญิงแต่งงานเสียที ?

คำถามโลกแตกที่ผู้หญิงหลายคนเฝ้าถามตัวเองและคนรอบข้างอยู่เสมอ คือทำไมแฟนถึงไม่ยอมขอเราแต่งงานซะทีน๊าาาาาาา

บทหนังยอดฮิตเรื่องนี้มักจะคล้ายกัน … คบกับแฟนมาหลายปีแล้ว ทุกอย่างก็ราบรื่นดี เราก็เคยไปแนะนำตัวที่บ้านเค้า เค้าก็เคยมาแนะนำตัวที่บ้านเรา วันสำคัญก็ไปด้วยกันเสมอๆ การงานทั้งคู่ก็โอเคเข้าท่า ลั้นลาชีวิตคู่มีความสุข …..

หันมาอีกที อ่าวเฮ้ยยยยยย … นี่ชั้นอายุ 30 แล้ว !!! มองไปรอบตัว เพื่อนๆ ก็แต่งกันไปหลายคู่แล้ว งานแต่งควงกันไปก็โดนล้อตลอด

เมื่อไหร่แต่ง ?” ไอ้เราก็ได้แต่เขิล บร๊าาาาา >////<

แต่หูนี่แอบผึ่ง รอว่าฝ่ายชายจะพูดอะไรออกมานะ เค้าจะมีท่าทีว่ายังไงนะ … อ่าว เงียบ … เฮ้ยพูดไรบ้างจิ แอบยิ้มทำไมอ่ะ หมายความว่าไงคะ ? แต่งเลยใช่ไหม เค้าพร้อมละนะ ไปลองชุดแต่งงานเลยเถอะ ฯลฯ

เวลาผ่านไปหลายวัน หลายเดือน หลายปี ก็ยังไม่มีวี่แวว .. คุณผู้หญิงก็เริ่มกลัว “เฮ้ย รึจะไม่แต่งกะเราฟะ ?” เริ่มถาม เริ่มซัก เริ่มเยอะ เริ่มแสดงออกมากขึ้นเรื่อยๆ บางคู่ทะเลาะกัน ยาวไปถึงบางคู่เลิกกันไปเลยด้วยซ้ำไป

แล้วสุดท้ายหนังเรื่องนี้มักจะมีตอนจบให้เลือกแค่ 2 แบบ … คือแต่ง … หรือเลิก

ทำไมผู้ชายไม่ขอผู้หญิงแต่งงานเสียที ?

อยากจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังสักเล็กน้อย ผม (@Khajochi)  กับเชอรี่ (@CherryJaja) เราคบกันเป็นแฟนมานาน หลายคนก็มองว่าความรักคู่เราหวานแหวว คงจะวางแผนเรื่องชีวิตคู่และการแต่งงานกันมาตลอดสินะ

แต่เชื่อหรือไม่ว่าตลอด 6 ปีที่คบกันเป็นแฟน เราทั้งสองคนไม่เคยเอ่ยปากเรื่อง “แต่งงาน” กันเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ผมไม่เคยพูดว่าอยากแต่งงานเมื่อไหร่ เชอรี่ไม่เคยถามว่าจะแต่งกับเค้าไหม เราคบกันเป็นแฟนไปเรื่อยๆ … เรื่อยๆๆ …. เรื่อยๆๆๆๆๆ … ถามว่าอึดอัดไหมที่ไม่คุยกันเรื่องนี้ ผมเองก็นิดหน่อย แต่กับเชอรี่ที่เป็นผู้หญิง เธอมาเล่าให้ผมฟังทีหลังว่า “อึดอัดมากกกก !!! (ครอบด้วย <H1> แถมตัวหนาเข้าไป)”

ในฐานะผู้ชายคนนึง ก็พอจะเข้าใจในเหตุผลลึกๆ ที่เพื่อนๆ รวมถึงตัวเองยังไม่ยอมแต่งงานเสียที เท่าที่พอจะคิดออกก็มีดังนี้ครับ

1. งานแต่งงาน vs ชีวิตหลังแต่งงาน

ผู้หญิงหลายคนมองการแต่งงานคือ “งานแต่งงาน” มองเห็นภาพตัวเองในชุดเจ้าสาว มองเห็นพ่อแม่ เพื่อนๆ คนที่รักมาร่วมยินดี มองเห็นอนาคตว่าหลังแต่งงานจะมีลูกตัวน้อย มีบ้านหลังเล็กๆ อยู่กับแฟน

ผู้ชายมองการแต่งงานคือ “การใช้ชีวิตคู่” มองเห็นภาพตัวเองมีความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น เป็นผู้นำครอบครัว มองข้ามงานแต่งงานไปจนถึงการอยู่ร่วมกัน การใช้ชีวิตคู่ไปตลอดชีวิต

ผมเคยถามเพื่อนผู้หญิงที่ชอบบ่นอยากแต่งงานว่า “จริงๆ แล้วเธออยากมีงานแต่งงาน หรืออยากจะใช้ชีวิตอยู่กับแฟนไปตลอดชีวิต ?”

แน่นอนว่าการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับผู้ชายแล้ว ลึกๆ มันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ และหน้าที่หลายอย่างตามมา ก็ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ชายหลายคนคิดแล้วคิดอีกก่อนจะแต่งงานกับใคร

2. ยังอยากใช้ชีวิตแบบเดิมอยู่

มีคำกล่าวที่ว่า “ผู้ชายกลัวการแต่งงาน มากกว่าการไปสนามรบซะอีก” ฟังดูแล้วอาจจะน่าขำ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ชายหลายคน “กลัว” การแต่งงานครับ

แต่ไม่มีใครหรอกครับที่จะพูดหรือแสดงออกมาให้เห็นว่า “กลัว”

“ชีวิตตอนนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว”, “อยู่กันไปแบบนี้ก็ไม่เห็นเป็นอะไร”, “ทำไมต้องแต่งงานด้วย ก็ดูๆ กันไปก่อนก็ได้”

ประโยคเหล่านี้เป็นคำพูดยอดฮิต ที่ในใจความลึกๆ คือเขาไม่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือเปลี่ยนการใช้ชีวิตไปจากนี้ ลึกๆ มันคือความกังวลและความกลัวที่จะสูญเสีย Life Style ที่เราเคยเป็นมานั่นแหล่ะครับ

3. โดนกดดัน

เชื่อไหมครับว่าคนรอบตัวผมที่คบกับแฟนมานานหลายปี แล้วสุดท้ายเลิกกันตอนอายุ 30+ เกือบทั้งหมดคนที่บอกเลิกคือ “ผู้ชาย”

แม้การบอกเลิกจะเป็นเรื่องของคนสองคน และก็มีเหตุผลมากมาย แต่ 1 ในสาเหตุหลักก็มาจากเรื่อง “แต่งงาน” นี่แหล่ะครับ

สังคมมักจะขีดเส้นแต่งงานไว้ที่อายุ 30 ปี โดยเฉพาะกับผู้หญิง คือถ้าหลัง 30 แล้วไม่แต่งงานเธอจะขึ้นคานนะ เธอจะมีลูกยากนะ เธอจะโดนทุกคนถามว่าทำไมยังไม่แต่งนะ … เคยได้ยินหนังที่ชื่อ “30 โสด On Sale” หรือ “30 กําลังแจ๋ว” บ้างไหมครับ

เชื่อเถอะครับ ผู้ชายที่มีแฟนทุกคนคิดเรื่องแต่งงานครับ บางทีที่เขาไม่แสดงออก ไม่ได้หมายความว่าไม่คิดไม่สนใจ จริงๆ แล้วอาจจะคิดมากกว่าคุณผู้หญิงก็เป็นได้ … แค่เค้าไม่อยากแสดงอะไรออกมาเท่านั้นเอง

4. ไม่อยากให้ความหวัง

มีเพื่อนผมคู่หนึ่งครับ ที่ผู้ชายดันไปบอกกับอีกฝ่ายว่าจะแต่งงานกันตอนอายุ 28 ปี … ซึ่งตอนที่บอกฝ่ายหญิงก็ยิ้มเขิล บอกบ้าๆๆๆ รอให้มีงานดีๆ รอให้คบกันไปมากกว่านี้ก่อนก็ได้

แต่บอกไปอย่างนั้นแหล่ะจ้า จริงๆ นั่งนับวันในใจอยู่จ้า

สรุปแล้วเพื่อนคู่นี้ได้แต่งงานกันตอนอายุ 32 ปีครับ ซึ่งคงไม่ต้องบอกนะว่า 4 ปีที่เว้นว่างจากตอนอายุ 28 ปี ฝ่ายชายโดนจัดหนักแค่ไหน #ฮา

ผู้ชายไม่ชอบให้ความหวังผู้หญิงครับ โดยเฉพาะกับเรื่องแต่งงาน

ถึงแม้อีกฝ่ายจะอยากพูดอยากคุยใจจะขาด ขอแค่บอกให้ฉันสบายใจสักนิดก็ยังดี แต่สำหรับผู้ชายแล้ว การพูดเรื่องแต่งงานออกไป เป็นเหมือนข้อผูกมัดตัวเองอย่างหนึ่ง และลึกๆ เราก็ไม่อยากทำให้คนที่เรารักผิดหวังด้วย

จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นผู้ชายหลายคน พูดเรื่องแต่งงานกับฝ่ายหญิงครั้งแรก ที่การขอแต่งงานเลย (ผมล่ะคนนึง)

5. ไม่มีเหตุผล

“ก็ … ไม่มีเหตุผลอ่ะ” เป็นคำตอบจากเพื่อนสุดที่รักคนนึง เมื่อผมถามเหตุผลมันว่าทำไมแกไม่ยอมแต่งงานซะที ทั้งที่คบกับแฟนมาตั้งนานแล้ว

ผู้ชายเราชอบหาเหตุผลให้กับทุกเรื่อง เวลาเถียงกันก็ยกเหตุผลเข้ามาล้านแปด เรามักอยู่กับเหตุผล

“ยกเว้นเรื่องแต่งงาน”

ผู้ชายกลุ่มนี้มักจะเป็นคนที่ไม่เคยคิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต ไม่มีความจำเป็น ไม่มีก็ได้ ชอบการใช้ชีวิตแบบเป็นตัวของตัวเองมากกว่า

ยิ่งคุณพยายามหาเหตุผลมากเท่าไหร่ เสียงที่สะท้อนกลับมาก็ยิ่ง “ไม่มีเหตุผล” มากขึ้นเท่านั้น ก็นั่นล่ะครับ ที่เขายังไม่อยากแต่งงาน ก็เพราะว่ามัน “ไม่มีเหตุผล” นั่นแหล่ะจ้า (พูดง่าย แต่เข้าใจยากเนอะ)

ข้อแนะนำสำหรับคุณผู้หญิง

แล้วสำหรับคุณผู้หญิงควรจะทำยังไงดีล่ะ ? คือฉันก็กลัวไม่ได้แต่งงานนะ กลัวไม่ได้มีลูก กลัวถูกทิ้งตอนอายุมาก เดี๋ยวโสดตลอดชีวิตจะทำยังไงยะ

ผมก็มีข้อแนะนำสำหรับคุณผู้หญิงที่อยากแต่งงานดังนี้

  • ถ้าคุณกำลังหมกมุ่นกับเรื่องแต่งงาน … ลองหยุดอยู่ตรงนั้นก่อน ถอยหลังออกมา 2 ก้าว เอาเรื่องแต่งงานวางไว้ไกลๆ เอาคนที่คุณรักมาวางไว้ใกล้ๆ แล้วตอบตัวเองก่อนว่า “ฉันพร้อมที่จะอยู่กับผู้ชายคนนี้ ไปตลอดชีวิต” แล้วหรือยัง ?
  • ถ้าคุณเองก็ยังไม่แน่ใจ ว่าจะอยู่กับเขาจนแก่เฒ่าได้จริงๆ ก็อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้ให้มากนักก็ได้
  • อย่าพูดเรื่องแต่งงานด้วยการบ่น
    • “เนี่ยจะ 30 แล้วยังไม่ได้แต่งงานเลย”
    • “คนนั้น คนโน้น คนนี้ ก็แต่งงานมีลูกไปหมดละ”
    • “ไหนเคยบอกไงว่าจะแต่งเมื่อพร้อม นี่ก็มีนั่น มีนี่แล้วนี่”
    • “เค้าอยากเห็นพ่อกับแม่ดีใจมากๆ ในงานแต่งของเราจัง”
  • ประโยคเหล่านี้ มักทำให้ฝ่ายชายคิดว่าเขากำลังถูกด่า กำลังทำอะไรผิด และมันไม่ช่วยอะไรเลย กลับยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากกว่าเดิม
  • ย้ำอีกครั้งว่าอย่าบ่น (กัดลิ้นตัวเองไว้น๊าาาา)
  • พยายามสร้างความมั่นใจให้กับแฟนของคุณแทน พยายามสนับสนุนสิ่งที่เขาฝัน สิ่งที่เขากำลังมุ่งมั่นอยู่
  • ให้กำลังใจเขา โดยที่ไม่ต้องหวังว่าเขาจะมาขอเราแต่งงานรึเปล่า สร้างความรู้สึกที่ดี เมื่อเขาสามารถทำตามฝันได้ โดยที่มีคุณอยู่เคียงข้าง
  • พยายามคอยดูแลเขาแต่พองาม เมื่อไรก็ตามที่มากเกินไป มันจะกลายเป็นจู้จี้จุกจิก และเขาจะรู้สึกเหมือนสูญเสียอิสระภาพ
  • คอยสังเกตอาการของฝ่ายชาย เวลาที่คุณเข้าไปดูแลเขา ถ้าเขานิ่งๆ เงียบๆ นั่นแปลว่าดีแล้ว (แป่ว) แต่ถ้าเขาเริ่มหงุดหงิด เริ่มอยากให้คุณออกห่าง นั่นแปลว่าคุณกำลังดูแลเขามากเกินไปนิดหน่อย ผู้ชายไม่อยากมีแม่คนที่สองหรอกจ้า
  • ทำความรู้จักกับคนที่บ้านฝ่ายชาย ทำให้ครอบครัวของเขาไว้ใจและเชื่อใจเรา
  • ยิ้มแย้มทุกครั้งที่เจอเขา โดยเฉพาะเมื่อเขาเหนื่อยหรือท้อ คุณควรเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดของเขา
  • การแสดงออกว่าฉันพร้อมจะแต่งงาน ไม่ต้องบอกกันตรงๆ ก็ได้ แต่แสดงออกได้ด้วยท่าทาง
  • เช่น ถ้าไปงานแต่ง แล้วมีช่วงรับดอกไม้ จงรอจังหวะแล้วค่อยๆ ทำเขิลแอบเดินออกไป … สุดท้ายกระชากแย่งชิงมันมาแมร่งให้ได้ !! แล้วก็ทำเขิลเดินกลับโต๊ะ ไม่ต้องพูดอะไรมาก เงียบๆ ไว้แหล่ะดีแล้ว
  • เช่น ถ้าไปเยี่ยมลูกเพื่อน พยายามยิ้มแย้มเมื่อเห็นการมีครอบครัวคือความสุข รู้สึกว่านี่คือสิ่งสำคัญสำหรับคุณ
  • ถ้าเขาไม่ใช่คนรักเด็ก อย่าพยายามพูดเรื่องมีลูก
  • ถ้าเขาไม่มีอาชีพการงานที่มั่นคง อย่าบ่นเรื่องงานของเขา
  • ถ้าเขากำลังทำตามความฝันอย่างสุดชีวิต อย่าไปขัดขวาง จงให้กำลังใจอยู่ห่างๆ
  • จงอดทน อย่าไปจดจ่อกับเรื่องแต่งไม่แต่งให้มากนัก อย่าบ่น อย่าแสดงความเป็นเจ้าของมากจนเกินไป
  • ถ้าอดทนไม่ไหวแล้ว อยากพูดกันให้รู้เรื่อง ว่าตกลงคุณมรึงจะแต่งหรือไม่แต่งวะคะ ? …… ให้อดทนต่อไป #ฮา
  • อย่าหยุดสวย ให้คิดเสมอว่าทุกครั้งที่เจอกัน ฉันจะสวยให้เขาตะลึง ฉันจะหุ่นดีให้เขาอยากกอด ฉันจะทำตัวน่ารักจนเขาอยากอวดเพื่อนๆ ว่านี่แหล่ะแฟนของเขา
  • การขอผู้ชายแต่งงานไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดน่าอายอะไรเลยนะ มีเยอะแยะเลยผู้หญิงที่พูดเรื่องอยากแต่งงานกับผู้ชายก่อน ถ้าเขานิ่งมากจนเกินจะทน ก็เอ่ยปากพูดเสียเองก็ได้จ้า

สำหรับคุณผู้ชาย

  • “อย่าปล่อยให้ผู้หญิงรอ” เป็นคำสอนของคุณแม่ผม ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง
  • การบอกเลิกผู้หญิงตอนอายุเกิน 30 ปี เป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก จงรู้ไว้ว่าผู้หญิงอายุเกิน 30 หาแฟนยากกว่าผู้ชาย 10 เท่า
  • ถ้าแฟนคุณจริงจังเรื่องแต่งงาน โปรดเริ่มพูดคุยกับฝ่ายหญิงก่อน ให้เธอเข้าใจตัวตนของคุณ จุดยืนของคุณในเรื่องการแต่งงาน อย่าเงียบ อย่าเฉย
  • ถ้าคุณเองก็ยังไม่มั่นใจ ก็จงทำให้ตั้งเองมั่นใจ “โดยเร็ว”
  • การแต่งงานไม่ใช่เรื่องที่หนักอย่างที่คุณคิด ชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตื่นเช้าขึ้นมาคุณก็ยังไปทำงานได้ ไปเตะบอลกับเพื่อนได้ ยังมีเวลานั่งหน้าคอมเป็นชั่วโมงๆ ได้
  • ชีวิตผู้ชายจะเติมเต็มได้ ต้องมีผู้หญิงซักคนอยู่เคียงข้าง
  • “อย่าปล่อยให้ผู้หญิงรอ” … ย้ำอีกครั้ง
สุดท้ายแล้วผมอยากจะบอกว่าการแต่งงานก็เป็นเพียงวัน 1 วันที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ตื่นขึ้นมาเราก็ต้องไปขึ้นรถ ไปทำงาน กินข้าวเที่ยง กลับไปทำงาน กินข้าวเย็น แล้วก็ล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม ชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้ทำให้อะไรมันแตกต่างมากนัก
สิ่งที่สำคัญกว่าคือการทำให้ตัวคุณเอง เป็นผู้หญิงที่น่ารัก เป็นคนที่เขาพร้อมจะใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอดจนแก่เฒ่า เป็นผู้หญิงเข้าอกเข้าใจจนเขาขาดคุณไปไม่ได้ และเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะให้อิสระ ให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองหวังไว้

ส่วนคุณผู้ชาย ชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้ต่างอะไรจากตอนนี้มากนักหรอกครับ บางทีสิ่งที่สำคัญกว่าการขจัดความ “กลัว” ในใจคุณได้ คือการที่ได้ทำให้คนที่คุณรัก และคนที่รักคุณมีความสุข

หวังว่าทุกคู่จะได้มีความสุขในที่สุดแล้วนะจ๊ะ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการหันหน้าเข้ามาพูดคุย และทำความเข้าใจกัน … เผื่อว่าซักวันคู่ของเราจะได้มีคำว่า
แต่งงานกับนะครับ / ค่ะ
อ่านเพิ่ม :